Page 131 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ สิทธิชุมชนในการจัดสรรทรัพยากรน้ำโดยใช้แนวทางสันติวิธี : กรณีศึกษาพื้นที่ต้นน้ำของประเทศไทย
P. 131
114
และกลุ่มบุคคลในพื้นที่ที่มีบทบาทส้าคัญและได้รับการยอมรับในชุมชน ผลการจัดสนทนากลุ่มทั้ง 3 กลุ่ม
สรุปเนื้อหาได้ดังต่อไปนี้
(1) กลุ่มผู้น าชุมชนและปราชญ์ชาวบ้าน ผู้เข้าร่วมการสนทนาหารือ ได้แก่ ผู้ใหญ่บ้าน
กรรมการหมู่บ้าน และผู้ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อช่วยดูแลประชาชนในหมู่บ้าน สรุป
ประเด็นส้าคัญดังนี้
การใช้ประโยชน์จากน าชีในปัจจุบัน การใช้ประโยชน์จากน้้าชีของบ้านโหล่นใช้ร่วมกับบ้าน
ดอนเขาเขียว หมู่ 21 นอกจากนี้ มีแหล่งน้้าอื่น ๆ ในพื้นที่คือบ่อบาดาล 2 บ่อ และน้้าส่าง (น้้าซึมจาก
บ่อดินที่ขุดลึกลงไปตามชั้นดิน ประมาณ 3 – 12 เมตร สามารถน้ามาดื่มได้) แต่ถือว่ายังไม่เพียงพอ
เพราะต้องแบ่งน้้าส้าหรับใช้สอยไปยัง 2 หมู่บ้าน ส้าหรับน้้าใช้เพื่อการอุปโภคทั้ง 2 หมู่บ้าน ได้จากการสูบ
ใช้จากน้้าชี น้้าบาดาล และน้้าประปา ซึ่งน้้าประปาอยู่ภายใต้การดูแลขององค์การบริหารส่วนต้าบล
(อบต.) โดยผ่านการท้าประชาคมก่อนด้าเนินการ ทั้งนี้ เนื่องจากประสบภัยแล้งตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
จึงจ้าเป็นต้องใช้น้้าประปาภูเขา แต่การใช้น้้าประปาภูเขากลับประสบปัญหาคือ ท่อส่งน้้าซึ่งเป็นท่อ
PE ได้รับความเสียหายจากไฟป่า (ท่อ PE ไหม้) จึงท้าให้ไม่สามารถใช้ประปาภูเขาได้ โดยขณะนี้อยู่
ระหว่างด้าเนินการของบประมาณจาก อบต. เพื่อซ่อมแซม แต่ในสภาพความเป็นจริงแล้วชาวบ้าน
ยังคงต้องดูแลจัดการปัญหาดังกล่าวเอง โดยท่อส่งน้้าของระบบประปาภูเขามีความยาวประมาณ 120
เมตร ขณะเดียวกันพบว่าแหล่งเก็บน้้าบริเวณภูเขาตื้นเขินในช่วงฤดูแล้งจึงเป็นเหตุให้ไม่สามารถใช้
ประโยชน์จากประปาภูเขาได้
ภาคการเกษตรกับน าชี บ้านโหล่นนับเป็นแหล่งผลิตมะม่วงที่ส้าคัญของอ้าเภอหนองบัวแดง
ดังนั้น เกษตรกรผู้ผลิตมะม่วงส่วนใหญ่จึงใช้น้้าชีเป็นแหล่งน้้าส้าคัญส้าหรับการผลิตมะม่วง เนื่องจาก
น้้าชีมีคุณภาพน้้าที่เหมาะสมต่อภาคการเกษตรซึ่งต่างจากการใช้น้้าจากบ่อไร่นาหรือน้้าบาดาลที่มีค่า
ความเป็นด่างสูง (pH สูง) หรืออาจมีค่าการน้าไฟฟ้า (Electrical conductivity) สูงซึ่งไม่เหมาะสมต่อ
การน้าไปใช้ส้าหรับการชลประทานแก่พืชปลูก อย่างไรก็ตาม หากจ้าเป็นต้องใช้แหล่งน้้าจากบ่อไร่นา
หรือบ่อบาดาล เกษตรกรจะพักน้้าให้ตกตะกอนก่อนน้ามาใช้ แม้มะม่วงจะเป็นไม้ผลแต่พบว่ามีการใช้
น้้าไม่มากนัก จึงมีน้้าใช้อย่างเพียงพอตลอดช่วงการผลิต ทั้งยังไม่พบปัญหาการแย่งชิงแหล่งน้้าแม้จะ
เป็นช่วงฤดูแล้ง เพราะเกษตรกรจัดสรร แบ่งปันน้้าใช้อย่างเพียงพอ โดยหากแปลงผลิตมะม่วงของ
เกษตรกรรายใดติดกับน้้าชีย่อมใช้น้้าชีเป็นแหล่งน้้าชลประทานส้าหรับการผลิตมะม่วง หรือประมาณ
ร้อยละ 30 ของภาคการเกษตรที่ได้ใช้น้้าจากแหล่งน้้าชี อย่างไรก็ตาม พบว่าในปี พ.ศ. 2563 บ้าน
โหล่นประสบภัยแล้งมีต้นมะม่วงยืนต้นตายซึ่งอาจมีสาเหตุจากการขาดน้้า ประกอบกับส่วนราชการ
ประกาศงดการสูบน้้าชีใช้เพื่อการเกษตร ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายังมีความเสี่ยงจากการใช้น้้าชีเพื่อ
การเกษตรในพื้นที่ดังกล่าว