Page 133 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ สิทธิชุมชนในการจัดสรรทรัพยากรน้ำโดยใช้แนวทางสันติวิธี : กรณีศึกษาพื้นที่ต้นน้ำของประเทศไทย
P. 133

116



                              ความต้องการของชาวบ้านต่อการจัดการน  าและสภาพความเป็นอยู่ แม้จะมีแหล่งน้้าทั้ง
                       จากน้้าชี น้้าบาดาล หรือน้้าประปา แต่ชาวบ้านยังมีความต้องการการจัดการน้้าและปัจจัยประกอบ

                       ต่าง ๆ เพื่อการด้ารงชีวิต ดังนี้

                                 1) เพิ่มการใช้ประโยชน์จากอ่างเก็บน้้า จากที่ในชุมชนมีอ่างเก็บน้้าขนาดเล็ก 2 แห่ง
                       ได้แก่ (1) อ่างเก็บน้้าบ้านโหล่น-ห้วยปาดหมี (อันเนื่องมาจากพระราชด้าริ) และ (2) อ่างเก็บน้้าบ้าน

                       โหล่น-ห้วยมะขาม (อันเนื่องมาจากพระราชด้าริ) แต่การใช้ประโยชน์จากแหล่งน้้าทั้งสองยังไม่ก่อ

                       ประโยชน์ที่คุ้มค่าเท่าที่ควร กล่าวคือ น้้าภายในอ่างเก็บน้้ามีปริมาณน้อยหรือแห้งขอดบางฤดูกาล
                       โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูแล้ง ดังนั้น หากสามารถผันน้้าชีเข้ามาส้ารองไว้ภายในอ่างเก็บน้้าทั้งสองแล้ว

                       กระจายสู่พื้นที่การเกษตรหรือพื้นที่หมู่บ้านย่อมสร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชนในเขตพื้นที่ดังกล่าวได้

                       มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ พบว่าได้มีการจัดระบบท่อส่งน้้าเชื่อมต่อกับอ่างเก็บน้้าแล้ว (ได้รับงบประมาณ
                       สนับสนุนจากกรมชลประทาน) เพียงแต่ขาดระบบการผันน้้าจากล้าน้้าชีสู่อ่างเก็บน้้า โดยล้าน้้าชีและ

                       อ่างเก็บน้้ามีระยะห่างประมาณ 2 กิโลเมตร

                                 2) ต้องการอ่างเก็บน้้าขนาดกลาง โดยควรจัดสร้างเหนือพื้นที่ของหมู่บ้าน บริเวณเขต
                       รักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว-ทุ่งกะมัง

                                 3) สะพานปูนข้ามล้าน้้าชี เนื่องจากล้าน้้าชีกัดเซาะท้าให้สะพานที่ใช้ในปัจจุบันได้รับ

                       ความเสียหายซึ่งส่งผลกระทบต่อการสัญจร
                                 4) ต้องการให้ภาครัฐหรือผู้เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลราคาผลผลิตทางการเกษตร เนื่องจากเขต

                       พื้นที่บ้านโหล่นเป็นแหล่งผลิตมะม่วงที่ส้าคัญของอ้าเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ ดังนั้น หาก

                       เกษตรกรสามารถจ้าหน่ายผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะม่วงได้ในราคาที่สูงย่อมส่งผล
                       ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น

                              การอนุรักษ์แหล่งน  า พื้นที่ต้นน้้าในเขตบ้านโหล่นและหมู่บ้านใกล้เคียงได้รับความช่วยเหลือ

                       ดูแลจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อการจัดการและการ
                       ใช้ประโยชน์จากแหล่งน้้า ขณะที่บทบาทของคณะกรรมการลุ่มน้้าชี โดยคณะกรรมการทรัพยากรน้้า

                       แห่งชาติ (กนช.) (ภายใต้การควบคุมโดยส้านักนายกรัฐมนตรี) ในเขตพื้นที่ต้นน้้ายังไม่ชัดเจนเท่าพื้นที่

                       กลางน้้าและปลายล้าน้้าชี เช่นที่จังหวัดยโสธรและจังหวัดอุบลราชธานี อย่างไรก็ตาม พบว่าเขตต้นน้้า
                       ยังคงมีประเพณีการอนุรักษ์ทรัพยากรน้้าและป่าไม้ผ่านความเชื่อที่ส้าคัญ กล่าวคือ คนต้นน้้าชีเชื่อว่า

                       พื้นที่ต้นน้้าชีมีเจ้าพ่อเจ้าบ้านโหล่น (จ้านวน 6 ตน) เป็นผู้ปกปักรักษา ดูแลพื้นที่ต้นน้้าชี ในวันที่ 12

                       เมษายน ของทุกปี ชาวบ้านจะจัดงานมหรสพสมโภชถวายเจ้าพ่อเจ้าบ้านโหล่น และเรียกวันดังกล่าวว่า
                       “วันต้นน้้าชี” โดยนอกจากชาวบ้านในเขตพื้นที่ต้นน้้าจะมาร่วมงานมหรสพสมโภชแล้ว ชาวบ้านที่ใช้

                       ประโยชน์จากล้าน้้าชีที่แม้อยู่ในพื้นที่ห่างไกลยังเข้าร่วมงานดังกล่าวนี้ด้วยเช่นกัน แต่จากสถานการณ์
                       การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ได้ส่งผลให้ต้องยกเลิกการจัดงานฉลองสมโภชในปีนี้ นอกจากนี้ ผู้น้า
   128   129   130   131   132   133   134   135   136   137   138