Page 11 - หนังสือรับรองการเกิด
P. 11
3
คว�มเป็นม�และคว�มสำ�คัญของก�รแจ้งก�รเกิด
เริ่มจ�กในอดีต เมื่อครั้งที่พระบ�ทสมเด็จพระเจ้�จุลจอมเกล้�เจ้�อยู่หัว ในหลวงรัชก�ลที่ ๕ ทรงเห็น
คว�มสำ�คัญของก�รจดทะเบียนประช�กรของประเทศ ที่ให้เริ่มจดทะเบียนก�รเกิดและจดทะเบียนก�รต�ย เพื่อเป็น
เอกส�รสำ�หรับแสดงให้ทร�บว่� มีผู้เกิด และมีผู้ต�ยในแต่ละท้องที่เป็นจำ�นวนเท่�ใด ด้วยก�รออกกฎหม�ย ชื่อว่� พระร�ช
บัญญัติสำ�หรับทำ�บ�ญชีคนในพระร�ชอ�ณ�จักร (ร.ศ.๑๒๘ ตรงกับ พ.ศ.๒๔๕๒) ม�ตั้งแต่ม�กกว่�หนึ่งร้อยปี
เริ่มขย�ยพื้นที่ออกไปยังหัวเมืองก่อน มียอดรวมผู้ที่ได้รับก�รสำ�รวจในสมัยนั้น ทั้งประเทศมีประช�กรประม�ณแปดล้�น
เก้�แสนคนเศษ หลังจ�กนั้น จึงมีก�รตร�กฎหม�ยให้สำ�รวจสำ�มะโนประช�กร แล้วจัดทำ�สำ�มะโนครัว ภ�ยหลังจึงได้ตร�
เป็นกฎหม�ยว่�ด้วยก�รทะเบียนร�ษฎรฉบับแรก คือ พระร�ชบัญญัติก�รทะเบียนร�ษฎร พ.ศ.๒๔๙๙ ใช้พร้อมกัน
ทั่วประเทศ ม�ตั้งแต่วันที่ ๒๒ กุมภ�พันธ์ ๒๔๙๙ และมีก�รแก้ไขโดยประก�ศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๓๔ เมื่อวันที่ ๓๑
ตุล�คม ๒๕๑๕ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๖ มกร�คม ๒๕๑๖ จนกระทั่งมีก�รตร�พระร�ชบัญญัติก�รทะเบียนร�ษฎร
พ.ศ.๒๕๓๔ ออกม�ใช้ใหม่ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๒ มีน�คม ๒๕๓๕ โดยทุกฉบับจะมีก�รออกกฎกระทรวง
ออกระเบียบ ออกประก�ศและมีหนังสือสั่งก�รเป็นแนวท�งปฏิบัติกันม�กม�ย เรียกว่� ต้องติดต�มกันอย่�งใกล้ชิด
อย่�กระพริบต� เพร�ะมิฉะนั้น อ�จจะไม่ทร�บว่� มีเรื่องซักซ้อมคว�มเข้�ใจในก�รปฏิบัติเวียนแจ้งให้ทร�บกันในเรื่องใหม่ๆ
อยู่เสมอๆ ยิ่งในยุคปัจจุบันที่สื่อส�รผ่�นระบบเทคโนโลยีส�รสนเทศ ก�รสั่งก�รจ�กส่วนกล�ง เมื่อสั่งก�รโดยผู้มีอำ�น�จ
แล้วส่งผ่�นไปยังผู้รับปฏิบัติได้ในทันที ห�กไม่ได้รับทร�บข่�วส�ร ก็อ�จจะตกยุคปฏิบัติไม่เป็นไปต�มที่สั่งก�รใหม่ๆ ได้
สำ�หรับพี่น้องประช�ชนผู้ขอรับบริก�ร ก็ต้องหูไว ต�ไว เพร�ะก�รสั่งก�รหล�ยเรื่องกรมก�รปกครองก็นำ�ขึ้นสั่งก�รไว้
บนหน้�เว็บไซท์ www.dopa.go.th ในหมวดว่�ด้วยหนังสือสั่งก�ร ห�กมีโอก�สก็อย่�ลืมแวะเวียนไปสืบค้นข้อมูลได้
ในยุคแรก ท�งร�ชก�รได้กำ�หนดให้มีพระร�ชบัญญัติก�รทะเบียนร�ษฎรในเขตต์เทศบ�ล พ.ศ.๒๔๗๙ ซึ่งใช้
บังคับในอดีตเมื่อ ๗๕ ปีม�แล้ว เฉพ�ะในเขตเทศบ�ลเท่�นั้น ส่วนในท้องถิ่นชนบทยังไม่มีกฎหม�ยบังคับ โดยม�ตร�
๑๗ บัญญัติไว้ให้เป็นหน้�ที่ของเจ้�บ้�นต้องไปแจ้งคว�มต่อน�ยทะเบียนท้องถิ่นภ�ยในกำ�หนด ๑๕ วันนับตั้งแต่เด็กเกิด
ซึ่งเป็นหลักก�รใช้ม�ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มกร�คม ๒๔๘๐ จนถึงปัจจุบัน และในม�ตร� ๒๑ วรรคส�ม บัญญัติไว้เกี่ยวกับ
ก�รจดทะเบียนก�รเกิด ว่� “ให้น�ยทะเบียนท้องถิ่นใส่ชื่อนั้นลงในต้นขั้วทะเบียนคนเกิด” จึงสรุปได้ว่� เอกส�รที่แสดงว่�
น�ยทะเบียนท้องถิ่นรับแจ้งก�รเกิดเด็กตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๘๐ นั้น เรียกว่� “ทะเบียนคนเกิด”
กฎหม�ยฉบับก่อนหน้�นี้ใช้บังคับเฉพ�ะผู้อ�ศัยอยู่ในเขตเทศบ�ล ซึ่งในอดีตเมื่อ ๗๕ ปีก่อนหน้�นี้ จนม�ถึง
คร�วที่มีก�รตร�พระร�ชบัญญัติก�รทะเบียนร�ษฎร พ.ศ.๒๔๙๙ ใช้บังคับทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ ๒๒ กุมภ�พันธ์
๒๔๙๙ เป็นต้นม�ในบ�งม�ตร� และมีก�รประก�ศเป็นพระร�ชกฤษฎีก� และกฎกระทรวงในช่วงเวล�หลังจ�กนั้น
ไม่น�น ก็มีผลใช้บังคับครบทั้งฉบับ ส่วนเฉพ�ะของก�รแจ้งก�รเกิด ในกฎหม�ยว่�ด้วยก�รทะเบียนร�ษฎร ฉบับแรก
คือ ม�ตร� ๑๓ ที่บัญญัติว่� “เมื่อน�ยทะเบียนผู้รับแจ้งก�รมีคนเกิดแล้ว ให้ออกสูติบัตรเป็นหลักฐ�น” และแม้ว่�มีก�ร
แก้ไขเพิ่มเติมกฎหม�ยฉบับนี้โดยมีประก�ศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๓๔ เมื่อวันที่ ๓๑ ตุล�คม ๒๕๑๕ ที่มีผลใช้บังคับ
ในวันที่ ๖ มกร�คม ๒๕๑๖ ก็ได้มีก�รบัญญัติให้มีก�รจัดทำ�ทะเบียนคนเกิดจ�กสูติบัตรไว้จนถึงวันที่ ๒๒ มีน�คม ๒๕๓๕
เพร�ะได้มีก�รตร�พระร�ชบัญญัติก�รทะเบียนร�ษฎร พ.ศ.๒๕๓๔ ออกม�ใช้แทนกฎหม�ยฉบับเดิมแล้ว ก็ยังคงใช้คำ�ว่�
“สูติบัตร” กันตลอดม�จนถึงปัจจุบัน
เรื่องเล่าเคล้าสิทธิมนุษยชน...ว่าด้วย "หนังสือรับรองการเกิด" และองค์ความรู้เกี่ยวกับการทะเบียนราษฎร