Page 17 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประชาคมอาเซียน
P. 17

รายงานการศึกษาวิจัย
                  เรื่อง พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประชาคมอาเซียน


                        2 แนวคิดและกลไกด้านสิทธิมนุษยชนระดับระหว่างประเทศและภูมิภาค


                       บทที่ 2 มีวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์แนวคิดและพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนโดยแบ่งออกเป็นสอง
                  ระดับคือระดับระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค โดยข้อมูลกลไกสิทธิมนุษยชนของภูมิภาคอื่นมีความ

                  เกี่ยวข้องโดยตรงในการเปรียบเทียบกับพัฒนาการกลไกสิทธิมนุษยชนในอาเซียนซึ่งจะวิเคราะห์ในบทต่อไป

                       การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. 2558 ถือเป็นโอกาสในการพัฒนาของอาเซียน โดยเฉพาะการ
                  เพิ่มพูนความมั่งคั่งของภูมิภาคผ่านการเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนมักถูก

                  สะท้อนในประเด็นเกี่ยวกับด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก ในขณะที่ประเด็นด้านอื่นๆ มักถูกให้ความส าคัญ
                  รองลงมา ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่มักถูกมองข้ามทั้งที่ในความเป็นจริงประเด็นด้าน
                  สิทธิมนุษยชนมีความส าคัญต่อการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนไม่น้อยกว่าประเด็นด้านเศรษฐกิจ สิทธิมนุษยชน
                  เป็นเสมือนตัวประสานและเชื่อมโยงบุคคลที่มีความแตกต่างหลากหลายให้สามารถอยู่ร่วมกันภายใต้

                  ประชาคมเดียวกันโดยการอาศัยการเคารพสิทธิของกันและกัน ทั้งการเคารพสิทธิระหว่างบุคคลต่อบุคคล
                  และการเคารพสิทธิของบุคคลโดยรัฐซึ่งหมายรวมถึงรัฐที่เป็นประเทศสมาชิกของอาเซียน และประชาคม
                  อาเซียนเอง ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่าสิทธิมนุษยชนมีความส าคัญอย่างยิ่งในฐานะพื้นฐานของการก่อตั้งและ
                  การธ ารงอยู่ของประชาคม


                       2.1 แนวความคิดสิทธิมนุษยชน
                            สิทธิมนุษยชน หรือสิทธิของความเป็นมนุษย์ เป็นแนวคิดที่ถูกน ามาใช้อย่างแพร่หลายภายหลัง
                  การก่อตั้งองค์กรสหประชาชาติในปี พ.ศ. 2488 กฎบัตรแห่งสหประชาชาติ (United Nations Charter)

                  เป็นเสมือนพื้นฐานแรกสุดของการพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชนในระดับระหว่างประเทศ แม้ในกฎบัตร
                  สหประชาชาติ (United Nations Charter) มิได้กล่าวถึงความหมายของสิทธิมนุษยชนโดยตรง แต่ได้มีการ
                  รวมเอาประเด็นดังกล่าวไว้ในบทบัญญัติของกฎบัตรหลายแห่ง เช่น ในมาตรา 1.3 ก าหนดวัตถุประสงค์ใน

                  การก่อตั้งองค์กรสหประชาชาติว่าเป็นไป “เพื่อบรรลุความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาด้าน
                  เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และมนุษยธรรม และเพื่อส่งเสริมและผลักดันสิทธิมนุษยชนและสิทธิขั้นพื้นฐาน
                  โดยปราศจากการแบ่งแยกด้านเชื้อชาติ เพศ ภาษา และศาสนา” และในมาตรา 55 และ มาตรา 56 ซึ่ง
                  ก าหนดกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศทางเศรษฐกิจและสังคมโดยยึดความเคารพต่อหลักการแห่งสิทธิ
                  อันเท่าเทียมกันและการก าหนดเจตจ านงของตนเองของประชาชนเป็นมูลฐาน ต่อมาในปี พ.ศ. 2491

                  ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนได้ถูกจ าแนกออกเป็นประเภทต่างๆ ซึ่งถูกระบุไว้ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิ
                  มนุษยชนของสหประชาชาติ (Universal Declaration of Human Rights) ซึ่งถือเป็นแม่บทของหลักการ
                  สิทธิมนุษยชนในปัจจุบัน โดยประเภทของสิทธิมนุษยชนในปฏิญญาดังกล่าวได้แก่ สิทธิพลเมืองและทางการ

                  เมือง (Civil and Political Rights) และสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (Economic, Social and
                  Cultural Rights) แม้ว่าปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติจะไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย
                  แก่ประเทศสมาชิก แต่ปฏิญญาดังกล่าวน าไปสู่การร่างอนุสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
                  อีกหลายฉบับในเวลาต่อมา

                            แม้ว่านิยามของ “สิทธิมนุษยชน” จะไม่ได้มีการระบุอย่างชัดเจนในตราสารทั้งสองดังที่กล่าวมา
                  แต่ได้มีการก าหนดนิยามของค าดังกล่าวไว้อย่างหลากหลาย เช่น






                  National Human Rights Commission of Thailand                                          10
   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22