Page 53 - รายงานฉบับสมบูรณ์ ฉบับย่อ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะนโยบายหรือมาตรการเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของผู้สูงอายุ: กรณีการเลือกปฏิบัติในผู้สูงอายุ
P. 53
โครงการศึกษาวิจัยเพื่อจัดท าข้อเสนอแนะนโยบายหรือมาตรการเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของผู้สูงอายุ :11
กรณีการเลือกปฏิบัติในผู้สูงอายุ | 45
ดังนั้นในการคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุให้มีความมั่นคงทางสังคม ยังเป็นการเลือกปฏิบัติต่อผู้สูงอายุที่
มีระบบประกันสังคมและประกันสุขภาพเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่เคยท างานอยู่ในระบบการจ้างงานจากภาครัฐ
และภาคเอกชน แต่ไม่ครอบคลุมถึงกลุ่มผู้สูงอายุที่ท างานอยู่นอกระบบการจ้างงานหรือประกอบกิจการของ
ตนเอง
6.1.1.3 การขาดหลักเกณฑ์ด้านรายได้เพื่อรับสวัสดิการสังคมเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจ
การรับสวัสดิการสังคมของผู้สูงอายุที่เป็นที่รับรู้ของผู้สูงอายุทุกคน คือ เบี้ยยังชีพของผู้สูงอายุ ซึ่ง
เป็นสวัสดิการครอบคลุมผู้สูงอายุทุกคน (Universal coverage) ที่มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และไม่เป็นผู้ที่
ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือเทศบาล องค์การบริหารส่วน
ต าบล อย่างไรก็ตามในการให้สวัสดิการสังคมแก่ผู้สูงอายุที่ “ยากจน” หรือ “รายได้ต่ า” ยังขาดหลักเกณฑ์ที่
ชัดเจนในการคัดเลือกผู้สูงอายุ ส าหรับการคัดเลือกผู้เข้ารับสวัสดิการต่าง ๆ ของรัฐ โดยใช้เกณฑ์ “อายุ” นั้น
ชัดเจน เพราะมีการระบุไว้ในรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 ว่า ผู้สูงอายุ คือ ผู้ที่มีอายุ
“60 ปีขึ้นไป” แต่ในส่วนเกณฑ์ “ยากจน” หรือ “รายได้ต่ า” จะใช้เกณฑ์อะไรและอย่างไร ในปัจจุบันมีการ
ก าหนดคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนคนจน เพื่อรับสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ในขณะเดียวกัน สภาพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีการจัดท า “เส้นความยากจน (Poverty line)” คือ รายได้ต่อคนต่อเดือน เพื่อ
รายงานสถานะความยากจนจากรายได้ต่อหัวทุกปี ในขณะที่ในประเทศต่าง ๆ ที่ศึกษาจะมีเกณฑ์ในการ
ก าหนดความยากจนหรือรายได้ต่ าไว้ชัดเจน ที่เรียกว่า “Poverty Threshold” หรือ “Minimum Income
Threshold” เป็นการลดการใช้ดุลยพินิจของผู้บริหารจัดการคัดเลือกคุณสมบัติของผู้รับสวัสดิการของรัฐได้
อย่างไรก็ตาม ฐานข้อมูลการลงทะเบียนคนจน จะเป็นการเริ่มต้นของการท าสถิติข้อมูลคนจนเชิงประจักษ์
หากมีการด าเนินงานต่อไปเพื่อจัดท าระบบสวัสดิการสังคมตามมาตรฐานสากล
6.1.1.4 การไม่มีหน่วยปฏิบัติงานในระดับท้องถิ่น
การไม่มีหน่วยปฏิบัติงานในระดับท้องถิ่นของกระทรวงที่รับผิดชอบงานด้านคุ้มครองสิทธิของ
ผู้สูงอายุ เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ กระทรวงแรงงาน กระทรวงคมนาคม
การเคหะแห่งชาติ ซึ่งมีหน่วยงานอยู่ในระดับจังหวัด ยกเว้น กระทรวงสาธารณสุขที่มีหน่วยงานปฏิบัติในระดับ
อ าเภอ ท าให้การปฏิบัติงานความคุ้มครองสิทธิของผู้สูงอายุต้องเป็นการขอความร่วมมือจากองค์การปกครอง
ส่วนท้องถิ่น ภายใต้กระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีหน่วยปฏิบัติงานถึงในระดับหมู่บ้านและชุมชน แต่ไม่มีบทบาท
หน้าที่โดยตรงในการคุ้มครองสิทธิของผู้สูงอายุด้านเศรษฐกิจและสังคมในการจ้างงาน การประกันสังคม
ยิ่งกว่านั้น วิธีการงบประมาณ ก็เป็นการกระจายงบประมาณไปตามโครงการของแต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบ
เกิดปัญหา “การรินไหลของงบประมาณ”ที่ไปหยุดอยู่ที่ระดับจังหวัด/อ าเภอ แต่ไม่สามารถลงไปถึงในระดับ
ท้องถิ่นได้ทันเวลาตามความต้องการในท้องถิ่น รวมทั้งการใช้งบประมาณเพื่อโครงการส าหรับผู้สูงอายุใน
ท้องถิ่น หน่วยงานในระดับท้องถิ่นไม่สามารถใช้งบประมาณผิดประเภทและข้ามโครงการระหว่าง
หน่วยงานกลางได้