Page 339 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะนโยบายหรือมาตรการเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของผู้สูงอายุ: กรณีการเลือกปฏิบัติในผู้สูงอายุ
P. 339

โครงการศึกษาวิจัยเพื่อจัดท าข้อเสนอแนะนโยบายหรือมาตรการเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของผู้สูงอายุ :1111
                                                                    กรณีการเลือกปฏิบัติในผู้สูงอายุ | 281

                              10. การสืบพยานไว้ล่วงหน้า ในขั้นตอนก่อนฟ้องคดีต่อศาล หากพนักงานอัยการเห็นเอง

               หรือได้รับความร้องขอจากผู้เสียหายหรือจากพนักงานสอบสวนว่ามีเหตุจ าเป็นอื่น เช่น บุคคลดังกล่าว เป็น
               พยานที่ส าคัญต่อคดีแต่เจ็บป่วยจนใกล้ถึงแก่ความตาย เช่น ผู้เสียหายที่เป็นผู้สูงอายุถูกท าร้ายร่างกายจนได้รับ
               บาดเจ็บสาหัสใกล้ถึงแก่ความตาย หากไม่เร่งด าเนินการสืบพยานดังกล่าวไว้ จะส่งผลเสียหายต่อน าสืบ
               ข้อเท็จจริงในคดีเพื่อพิสูจน์ว่าผู้ต้องหาเป็นผู้ที่กระท าความผิดต่อผู้เสียหายที่เป็นผู้สูงอายุจริง พนักงานอัยการมี
               อ านาจที่จะยื่นค าร้องขอให้ศาลมีค าสั่งให้สืบพยานดังกล่าวไว้ทันที

                              11. การชดใช้ค่าเสียหาย ในคดีความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ หากผู้เสียหายที่เป็นผู้สูงอายุมีสิทธิ
               ที่จะเรียกร้องทรัพย์สินหรือราคาที่สูญเสียไปเนื่องจากการกระท าความผิดคืนในความผิดฐานลักทรัพย์ วิ่งราว
               ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ โจรสลัด กรรโชก ฉ้อโกง ยักยอกหรือรับของโจร เมื่อพนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีอาญา

               พนักงานอัยการจะเรียกทรัพย์สินหรือราคาแทนผู้เสียหายที่เป็นผู้สูงอายุได้โดยจะขอรวมไปในคดีอาญาหรือจะ
               ยื่นค าร้องในระหว่างพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นได้ นอกจากนี้ ผู้เสียหายที่เป็นผู้สูงอายุมีสิทธิที่จะเรียกเอาค่า
               สินไหมทดแทนเพราะเหตุได้รับอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย จิตใจหรือได้รับความเสื่อมต่อเสรีภาพในร่างกาย
               ชื่อเสียงหรือได้รับความเสียหายในทางทรัพย์สิน ผู้เสียหายที่เป็นผู้สูงอายุสามารถยื่นค าร้องขอให้จ าเลยชดใช้ค่า
               สินไหมทดแทนได้


                           (2.2.2) ประมวลกฎหมายอาญา
                           กฎหมายอาญา คือ กฎหมายที่บัญญัติว่าการกระท าหรือไม่กระท าการอย่างใดเป็นความผิด

               และก าหนดโทษแก่ตัวผู้กระท าความผิด หรืออีกความหมายหนึ่งคือ กฎหมายที่บัญญัติห้ามมิให้มีการกระท า
                                                                                           289
               อย่างหนึ่งอย่างใด หรือบังคับให้มีการกระท าอย่างหนึ่งอย่างใดโดยผู้ที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจะต้องรับโทษ
               แม้ว่ากฎหมายอาญาจะเป็นกฎหมายที่ก าหนดว่าผู้กระท าความผิดต้องรับโทษตามกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์
               เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในสังคม แต่กฎหมายอาญาได้มีการบัญญัติกฎหมายเพื่อคุ้มครองผู้เสียหายใน

               คดีอาญาไว้ในเรื่องวิธีการเพื่อความปลอดภัย ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้บังคับต่อผู้กระท าความผิดเพื่อท าให้ผู้กระท า
               ความผิดไม่กระท าความผิดอีกในอนาคต โดยอาจจะใช้วิธีการเพื่อความปลอดภัยแทนการลงโทษ หรือใช้วิธีการ
               เพื่อความปลอดภัยร่วมกับการลงโทษก็ได้ การก าหนดวิธีการเพื่อความปลอดภัยจะขึ้นอยู่กับผู้กระท าความผิด
               แต่ละคนที่มีความน่ากลัวที่จะกระท าความผิดอีก ซึ่งการจะใช้วิธีการเพื่อความปลอดภัยบังคับแก่บุคคลใด

               จะต้องมีกฎหมายบัญญัติไว้ และศาลเป็นผู้มีอ านาจในการสั่งวิธีการเพื่อความปลอดภัยเท่านั้น

                           (2.2.3) พระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546
                           พยานบุคคลในคดีอาญาเป็นบุคคลที่มีความส าคัญอย่างมากในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา

               พยานเป็นผู้ให้ข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นหลักฐานในการพิจารณาคดี เพื่อพิสูจน์ความผิดของผู้ถูกกล่าวหา หากไม่มี
               พยานหลักฐาน หรือพยานหลักฐานไม่มีน้ าหนักเพียงพอ ศาลจะพิพากษาว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้กระท าความผิด
               ไม่ได้เนื่องจากคดีอาญาศาลจะพิพากษาลงโทษจ าเลยไม่ได้จนกว่าจะสืบจนปราศจากข้อสงสัยว่าจ าเลยได้


                    289 จาก ค าอธิบายกฎหมายอาญา ภาค 1 (น.1), โดย เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์, 2546, กรุงเทพ: จิรัชการพิมพ์.
   334   335   336   337   338   339   340   341   342   343   344