Page 99 - รายงานผลการดำเนินงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ 3 (วันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ถึง 25 พฤษภาคม 2564)
P. 99
ผู้ป่วยมีสิทธิได้รับการปกปิดข้อมูลตนเอง เว้นแต่ผู้ป่วย กสม. พิจารณาแล้วเห็นว่า ประเด็นการใช้พาราควอต
จะให้ความยินยอมหรือเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ของ เป็นสารเคมีป้องกันก�าจัดศัตรูพืชในภาคการเกษตรเป็น 1
ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพเพื่อประโยชน์โดยตรงของ เรื่องการก�าหนดนโยบายของรัฐที่เกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนได้เสีย
ผู้ป่วย หรือตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังส่งเสริมการปฏิบัติ หลายฝ่าย แม้ว่าพาราควอตมีความเป็นพิษโดยตัวของ 2
ตามประกาศคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกัน สารเคมี ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนและ
และแก้ไขปัญหาเอดส์ เรื่อง แนวปฏิบัติแห่งชาติว่าด้วย เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ก็มีความเห็นและวิธี 3
การป้องกันและบริการจัดการด้านเอดส์ในสถานที่ การบริหารจัดการที่แตกต่างกันไปบนพื้นฐานของข้อมูล
ท�างาน ซึ่งเป็นมาตรการที่ส่งเสริมให้หน่วยงานสนับสนุน ทางวิชาการและข้อเท็จจริงที่ไม่สอดคล้องและขาดการรับฟัง
การด�าเนินงานในการป้องกัน ดูแล และคุ้มครอง ซึ่งกันและกัน ก่อให้เกิดปัญหาระบบบริหารจัดการที่มี 4
สิทธิบุคลากรในหน่วยงานให้ปลอดภัยจากเอชไอวี ความทับซ้อนและขาดความเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกัน
ด้วยความสมัครใจ รวมถึงจัดท�าแนวทางการบริการปรึกษา กลายเป็นช่องว่างที่ท�าให้ไม่สามารถก�ากับดูแลและ 5
และตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี ส�าหรับสถานบริการ ควบคุมการใช้พาราควอตได้อย่างครอบคลุมและเหมาะสม
สุขภาพ เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิผู้ป่วยให้กับบุคลากร/ ปัญหาดังกล่าวยังรวมไปถึงวัตถุอันตรายอื่น ๆ ที่ใช้เป็น
เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน สารป้องกันก�าจัดศัตรูพืชด้วย เช่น ไกลโฟเสต (สารก�าจัด
วัชพืช) และคลอร์ไพรีฟอส (สารเคมีก�าจัดแมลง)
กรณีที่ ๗ เรื่อง สิทธิในชีวิตและร่างกาย อันเกี่ยวเนื่อง เป็นต้น ประกอบกับกลไกการควบคุมวัตถุอันตรายตาม
กับสิทธิผู้บริโภค กรณีคัดค้านการต่ออายุใบส�าคัญ พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ยังไม่อาจ
การขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายพาราควอต (paraquat) ขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ขาดการยอมรับ
ของกรมวิชาการเกษตร และไม่ครอบคลุมทุกประเด็นปัญหาโดยเฉพาะมิติด้าน
(รายงานผลการตรวจสอบ ที่ ๓๑/๒๕๖๒) เกษตรกรรมที่ยั่งยืนควบคู่กับการคุ้มครองผู้บริโภคและ
กสม. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากสมาคมสหพันธ์องค์กร สิ่งแวดล้อม เนื่องจากปัจจุบันการใช้พาราควอตในภาค
ผู้บริโภคและมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเพื่อขอให้ตรวจสอบกรณี การเกษตรมีความเกี่ยวพันโดยตรงต่อสุขภาพอนามัยและ
กล่าวอ้างว่า เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๐ กรมวิชาการ วิถีชีวิตของเกษตรกรและประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นหน้าที่
เกษตรในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบการขึ้นทะเบียน ของรัฐที่จะต้องด�าเนินการให้ประชาชนทุกคนสามารถ
และควบคุมการผลิต น�าเข้า ส่งออก และจ�าหน่ายวัตถุ ด�ารงชีวิตในสิ่งแวดล้อมและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อ
อันตรายทางการเกษตร ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย สุขภาพ โดยการก�าหนดนโยบาย มาตรการหรือกลไก
พ.ศ. ๒๕๓๕ ด�าเนินการต่ออายุใบส�าคัญการขึ้นทะเบียน ต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพและสอดประสานกัน เพื่อช่วย ผลการดำาเนินงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
วัตถุอันตรายพาราควอต (paraquat) ซึ่งเป็นวัตถุอันตราย ให้เกษตรกรสามารถประกอบเกษตรกรรมได้อย่างมี
ชนิดที่ ๓ โดยไม่รอผลการพิจารณาของคณะกรรมการวัตถุ ประสิทธิภาพ ได้ผลผลิตที่มีปริมาณและคุณภาพสูง
อันตรายที่อาจจะประกาศห้ามใช้ อันจะน�าไปสู่การ มีความปลอดภัย ในขณะที่ประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะ
ขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายพาราควอตเป็นวัตถุอันตราย ในฐานะผู้บริโภคปลอดภัยจากอันตรายของสารเคมีและ
ชนิดที่ ๔ ที่ห้ามมิให้มีการผลิต การน�าเข้า การส่งออก หรือ ได้รับรู้ข้อมูลที่เป็นจริง รวมทั้งเป็นการลดผลกระทบสะสม
การมีไว้ในครอบครอง ทั้งที่ คณะกรรมการขับเคลื่อนปัญหา ที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม
การใช้สารเคมีป้องกันก�าจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง
ในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๕ เมษายน นอกจากนี้ เมื่อปรากฏว่าการใช้สารเคมีทางการเกษตร
๒๕๖๐ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและ
เป็นประธานการประชุม ได้มีมติเห็นชอบในหลักการ เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม รัฐจะต้องด�าเนินการ
ร่างแผนปฏิบัติการลด ละ เลิกใช้สารเคมีป้องกันก�าจัด เพื่อให้เกิดการเยียวยาที่เหมาะสมและเป็นธรรม
ศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง ๓ ชนิด เป็นการด�าเนินการ ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ถึงแม้ว่าการใช้พาราควอต
ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและก่อให้เกิดภาวะอันตราย ในภาคการเกษตรจะเป็นเสรีภาพในการประกอบอาชีพของ
ต่อสุขภาพของประชาชน บุคคลตามที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
97