Page 211 - รายงานผลการดำเนินงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ 3 (วันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ถึง 25 พฤษภาคม 2564)
P. 211
การตรวจจากบุคลากรทางการแพทย์ด้วยความรวดเร็ว (๑.๒) ควรปรับเปลี่ยนวิธีการระหว่างการด�าเนินคดี
และได้มาตรฐาน ดังนั้น จึงควรจัดบุคลากรทางการแพทย์ อาญาหรือการลงโทษนอกเหนือไปจากการน�าตัวผู้ต้องหา 1
ให้เพียงพอและจัดสรรงบประมาณที่เกี่ยวข้อง รวมถึง หรือจ�าเลยไปควบคุมไว้ที่เรือนจ�า โดยเฉพาะผู้ต้องหา
จัดหาสถานที่รักษาพยาบาล ให้เพียงพอแก่ผู้ต้องขัง ระหว่างการสอบสวนหรือพิจารณาคดี กรณีเช่นนี้นอกจาก 2
จะเป็นการเอาตัวบุคคลไปไว้ในอ�านาจของรัฐโดยไม่จ�าเป็น
ปัญหาการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย แล้ว ยังสุ่มเสี่ยงที่จะละเมิดสิทธิมนุษยชนของบุคคล 3
เมื่อพิจารณาบทบัญญัติพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ ดังกล่าวด้วย จึงควรแยกสถานที่คุมขังระหว่างผู้ต้องขัง
พ.ศ. ๒๕๖๐ บางมาตรายังก่อให้เกิดปัญหาในการบังคับใช้ เด็ดขาดและผู้ต้องขังระหว่างพิจารณา
เช่น มาตรา ๒๑ ซึ่งบัญญัติให้ดุลยพินิจแก่เจ้าหน้าที่ 4
ในการใช้เครื่องพันธนาการ มาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๓ (๑.๓) ควรพิจารณาก�าหนดสถานที่ส�าหรับการ
ให้อ�านาจเจ้าพนักงานราชทัณฑ์ที่จะใช้อาวุธแก่ผู้ต้องขังได้ ควบคุมผู้ต้องขังแต่ละประเภทให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น 5
ซึ่งมีข้อควรระวังในเรื่องเงื่อนไขการใช้อาวุธเช่นเดียวกัน โดยผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีและผู้ถูกกักขัง
และยังพบปัญหาเจ้าหน้าที่บางส่วนไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ แทนค่าปรับควรถูกควบคุมในสถานที่ที่ไม่ใช่เรือนจ�า
ให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายและละเมิด หรือทัณฑสถานที่ใช้ควบคุมผู้ต้องขังที่ถูกศาลพิพากษา
สิทธิมนุษยชนของผู้ต้องขัง เช่น กรณีการควบคุมหรือดูแล ลงโทษแล้ว นอกจากนี้ สมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง
ผู้ต้องขังไม่เป็นไปตามมาตรฐาน เป็นต้น ดังนั้น เพื่อเป็น แยกสถานที่เพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตาม
การแก้ไขปัญหาดังกล่าว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควรได้รับ พระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.
การศึกษาอบรมกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กับการปฏิบัติงาน ๒๕๔๕ ออกจากพื้นที่ของเรือนจ�าหรือทัณฑสถาน
รวมถึงหลักสิทธิมนุษยชนให้เกิดความชัดเจน เพื่อให้สามารถ
ปฏิบัติงานให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง (๑.๔) ควรพิจารณาเพิ่มจ�านวนบุคลากรราชทัณฑ์
และยกระดับการคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องขัง ให้เพียงพอกับภาระงานและพิจารณาหามาตรการที่สร้าง
ขวัญและก�าลังใจแก่บุคลากรราชทัณฑ์ให้มากขึ้น ซึ่งจะท�าให้
กสม. จึงเห็นควรเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางใน เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด�ารงตน
การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนต่อคณะรัฐมนตรี ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐได้อย่างเต็มภาคภูมิ
กระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ ดังนี้
(๒) ปัญหาการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข
(๑) ปัญหาความแออัดของเรือนจ�า และจ�านวนบุคลากร คณะรัฐมนตรี ควรพิจารณาเพิ่มจ�านวนบุคลากร ผลการดำาเนินงานที่สำาคัญ
ราชทัณฑ์ที่ไม่เพียงพอ ทางการแพทย์ที่สามารถให้การรักษาพยาบาลผู้ต้องขัง
คณะรัฐมนตรี ควรเร่งหามาตรการแก้ไขปัญหาให้แก่ เจ็บป่วยฉุกเฉินให้ครอบคลุมทั้งกลางวันและกลางคืน
กรมราชทัณฑ์ เพื่อแก้ไขปัญหาจ�านวนผู้ต้องขังเกินความจุ และเพิ่มบุคลากรทางด้านสาธารณสุขที่มีความเชี่ยวชาญ
ของเรือนจ�าหรือทัณฑสถาน และเพิ่มประสิทธิภาพ ในการดูแลผู้ต้องขังที่มีปัญหาสุขภาพจิต เพื่อให้ผู้ต้องขัง
การควบคุมดูแลแก้ไขฟื้นฟูพฤตินิสัยของผู้ต้องขังภายใน ทุกคนเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่เหมาะสมและ
เรือนจ�าหรือทัณฑสถาน ดังนี้ ได้มาตรฐาน อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ผู้ต้องขังพึงได้รับ
นอกจากนี้ ควรพิจารณาก�าหนดกลไกในการใช้ดุลพินิจ
(๑.๑) ควรพิจารณาใช้นโยบายกระบวนการยุติธรรม ส่งต่อผู้ต้องขังไปรักษาพยาบาลภายนอกเรือนจ�าหรือ
ทางเลือก เช่น การเบี่ยงเบนคดีอาญาออกจากกระบวนการ ทัณฑสถานให้เหมาะสมต่ออาการเจ็บป่วยของผู้ต้องขัง
ยุติธรรมกระแสหลักที่มุ่งเน้นให้คดีความขึ้นสู่การพิจารณา
ของศาลน้อยลงและท�าให้ผู้เสียหายได้รับการเยียวยา (๓) ปัญหาการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
ความเสียหายได้มากขึ้น และกระบวนการแก้ไขบ�าบัด (๓.๑) กรมราชทัณฑ์ ควรพิจารณาจัดหลักสูตร
ฟื้นฟูเพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้ต้องขังสามารถกลับคืน การอบรมเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ให้มีความรู้ความเข้าใจ
ไปสู่ครอบครัวและชุมชนได้ด้วยความชอบธรรม ด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงหลักการพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง
209