Page 210 - รายงานผลการดำเนินงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ 3 (วันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ถึง 25 พฤษภาคม 2564)
P. 210
และขั้นตอนในการยุติการตั้งครรภ์ทั้งก่อนและหลังยุติ ๒๕๖๑ แล้วพบว่า เรือนจ�าและทัณฑสถานในสังกัด
การตั้งครรภ์ ตลอดจนกลไกในการขับเคลื่อนกฎหมาย กรมราชทัณฑ์ได้ด�าเนินงานและประสบปัญหาในด้านต่าง ๆ
ให้เกิดผลในทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้การยุติ ดังนี้
การตั้งครรภ์เป็นทางเลือกสุดท้ายส�าหรับหญิงมีครรภ์
เป็นต้น ทั้งนี้ ควรมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข ปัญหาความแออัดของเรือนจำา และจำานวนบุคลากร
เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการด�าเนินการดังกล่าว และเปิดโอกาส ราชทัณฑ์ที่ไม่เพียงพอ
ให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และ จากการตรวจเยี่ยม พบว่า เรือนจ�าหลายแห่งประสบปัญหา
องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน เข้ามามีส่วนร่วมพิจารณาและ ความแออัดของเรือนจ�าและจ�านวนบุคลากรราชทัณฑ์
ให้ความเห็นประกอบการด�าเนินการด้วย ที่ไม่เพียงพอ เนื่องมาจากจ�านวนผู้ต้องขังที่สูงเกินความจุ
รายงานผลการดำาเนินงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ ๓
ที่เรือนจ�าและทัณฑสถานแต่ละแห่งจะสามารถรองรับได้
๔.๔ สิทธิในกระบวนการยุติธรรม จากข้อมูลผู้ต้องราชทัณฑ์ทั่วประเทศ ซึ่งกรมราชทัณฑ์
ได้ส�ารวจและเผยแพร่ พบว่า เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์
สิทธิในกระบวนการยุติธรรมเป็นสิทธิที่ได้รับ ๒๕๖๒ มีผู้ต้องขังที่อยู่ในความควบคุมของเรือนจ�าและ
การรับรองและคุ้มครองในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทัณฑสถานต่าง ๆ เกินความจุที่เรือนจ�าแต่ละแห่ง
สำ�นักง�นคณะกรรมก�รสิทธิมนุษยชนแห่งช�ติ
พุทธศักราช ๒๕๖๐ โดยเฉพาะมาตรา ๒๘ และ จะรองรับได้เกินกว่าสองเท่าของความจุ เมื่อเปรียบเทียบ
มาตรา ๒๙ อันสอดคล้องกับกติกา ICCPR ข้อ ๙ และ กับจ�านวนเจ้าพนักงานราชทัณฑ์ที่มีหน้าที่ควบคุมดูแล
ข้อ ๑๔ ตามล�าดับ รวมทั้งยังได้รับการรับรองและคุ้มครอง ผู้ต้องขังแล้วพบว่า มีสัดส่วนเจ้าพนักงานราชทัณฑ์ ๑ คน
ไว้ในข้ออื่นอีกหลายประการตามกติกา ICCPR ประกอบกับ ต่อผู้ต้องขังประมาณ ๑๐๐ คน ปัญหานี้ ไม่เพียงแต่
เป็นประเภทของสิทธิมนุษยชนที่มีเรื่องร้องเรียนมายัง จะส่งผลต่อสภาพความเป็นอยู่ของผู้ต้องขังเท่านั้น แต่ยัง
กสม. เป็นจ�านวนมาก กสม. ชุดที่ ๓ จึงก�าหนดให้เป็น ส่งผลต่อระบบการบริหารจัดการเรือนจ�าอีกด้วย จึงเห็นว่า
หนึ่งประเด็นส�าคัญในการด�าเนินการ เพื่อน�าไปสู่ ปัญหาดังกล่าวควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ด้วยการ
การก�าหนดมาตรการในการป้องกันและแก้ปัญหา ลดจ�านวนผู้ต้องขังเข้าใหม่ทั้งทางนโยบายและกฎหมาย
การละเมิดสิทธิมนุษยชนประการนี้อย่างเป็นระบบ ดังนี้ และพิจารณาเพิ่มจ�านวนบุคลากรราชทัณฑ์ รวมถึง
ก�าหนดวิธีการในการสร้างขวัญและก�าลังใจให้แก่บุคลากร
การจัดทำาข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทาง เพื่อด�ารงตนในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณี
ปัญหาในการดำาเนินงานด้านกระบวนการยุติธรรม ปัญหาการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข
ที่พบจากการดำาเนินโครงการตรวจเยี่ยมสถานที่ จากการตรวจเยี่ยม พบว่า เรือนจ�าและทัณฑสถาน
เสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน ยังประสบปัญหาในด้านการรักษาพยาบาลผู้ต้องขัง โดยเฉพาะ
กรมราชทัณฑ์เป็นหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่บริหาร กรณีขาดแพทย์ที่จะสามารถให้บริการแก่ผู้ต้องขังที่เกิด
จัดการเรือนจ�าและดูแลผู้ต้องขัง โดยมีจุดมุ่งหมาย อาการเจ็บป่วยอย่างรุนแรงเกินกว่าที่พยาบาลวิชาชีพ
เพื่อบ�าบัดฟื้นฟู แก้ไข และพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขัง จะให้การรักษาได้ รวมถึงระบบส่งต่อผู้ต้องขังไปรับ
ให้สามารถกลับสู่สังคม รวมถึงมีหน้าที่ด�าเนินการให้เป็น การรักษาพยาบาลยังสถานพยาบาลใกล้เคียงที่มีศักยภาพ
ไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศ ได้แก่ กติกา ICCPR มากกว่า เนื่องจากเมื่อผู้ต้องขังจะต้องถูกส่งตัวไปรักษา
ข้อก�าหนดมาตรฐานขั้นต�่าแห่งสหประชาชาติว่าด้วย ที่สถานพยาบาลภายนอกเรือนจ�าหรือทัณฑสถาน จ�าเป็น
การปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง หรือข้อก�าหนดแมนเดลาด้วย ทั้งนี้ ที่จะต้องใช้บุคลากรของเรือนจ�าและทัณฑสถานแห่งนั้น
เพื่อก�ากับให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายและพันธกรณี ไปท�าหน้าที่เฝ้าและควบคุมผู้ต้องขังในสถานพยาบาล
ระหว่างประเทศดังกล่าว โดยเฉพาะการเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันการหลบหนี เป็นเหตุให้บุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่
และป้องกันมิให้เกิดการกระท�าที่อาจละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามปกติลดลง ซึ่งหากพิจารณาจากข้อก�าหนดมาตรฐาน
ในสถานที่คุมขังบุคคลได้ กสม. จึงด�าเนินโครงการตรวจเยี่ยม ขั้นต�่าแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง
สถานที่เสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน พ.ศ. ๒๕๖๐ - หรือข้อก�าหนดแมนเดลา ซึ่งก�าหนดให้ผู้ต้องขังควรได้รับ
208