Page 199 - รายงานผลการดำเนินงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ 3 (วันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ถึง 25 พฤษภาคม 2564)
P. 199
ที่มีประสิทธิภาพในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและ ที่ใช้เฉพาะรายอุตสาหกรรมในประเด็นการละเมิด
การบริหารพัสดุ ตามที่ กสม. ได้มีข้อเสนอแนะในรายงาน สิทธิมนุษยชนเป็นการเฉพาะเพื่อเป็นการแก้ไขอุปสรรค 1
ผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอ ที่ขัดขวางการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมที่มีประสิทธิผล
ในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติการ ทั้งการขาดข้อมูล ความรู้และการคุ้มครองผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิ 2
จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐด้วยตามรายงาน หรือนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจากการถูกคุกคาม ทั้งนี้
ผลการพิจารณาที่ ๒๐๖/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๗ ธันวาคม มาตรการดังกล่าว ควรรวมถึงการสร้างความเข้มแข็ง 3
๒๕๕๙ เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและ และสร้างความตระหนักในเรื่องของสิทธิมนุษยชน
การบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... และสิทธิทางกฎหมายของบุคคลหรือชุมชน อีกทั้งควร
วิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรคในการเข้าถึงกระบวนการ 4
(๘) ควรระบุถึงแผนการบูรณาการ และประกัน ยุติธรรมของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเปราะบาง
ความสอดประสานด้านนโยบายในประเด็นที่เกี่ยวข้อง หรือบุคคลชายขอบ รวมถึงเร่งรัดการแก้ไขกฎหมาย 5
กับธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนภายในหน่วยงานของรัฐ รวมไปถึง เพื่อป้องกันการใช้สิทธิฟ้องร้องด�าเนินคดีโดยไม่สุจริตหรือ
การระบุแนวนโยบายและเชื่อมโยงกับแผนยุทธศาสตร์ บิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อกลั่นแกล้งหรือเอาเปรียบหรือ
ฉบับต่าง ๆ อาทิ แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แผนการ ฟ้องคดีโดยมุ่งหวังผลอย่างอื่นยิ่งกว่าประโยชน์ที่พึงได้
ขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ : สิทธิมนุษยชนร่วมขับเคลื่อน ตามปกติธรรมดา
Thailand 4.0 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (National agenda
: Integrated human rights for mobilizing “Thailand (๑๑) ควรระบุถึงแผนการ มาตรการ แนวทาง
4.0” policy towards sustainable development) และวิธีการการแก้ไขปัญหาช่องว่างทางกฎหมายและ
โดยต้องสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศด้าน กระบวนการทางปกครองที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึง
สิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี รวมถึงการก�ากับ กระบวนการยุติธรรม โดยในแผน NAP อาจระบุให้มี
ดูแลภาคธุรกิจให้เคารพสิทธิมนุษยชนตามขอบเขตอ�านาจ การศึกษาวิเคราะห์ ระบุ และมีมาตรการจัดการช่องว่าง
หน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ ทางกฎหมายและกระบวนการพิจารณาคดีที่อาจส่งผล
กระทบต่อการเข้าถึงกระบวนการเยียวยาที่มีประสิทธิภาพ
(๙) ควรระบุหลักการส�าคัญที่จะประกันว่าการลงนาม ทั้งในกรณีทั่วไปและในกรณีที่เกี่ยวข้องกับประเด็น
ในสนธิสัญญาด้านการค้าระหว่างประเทศของไทยจะไม่ส่งผล สิทธิมนุษยชนเฉพาะหรือที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมใด
กระทบด้านลบต่อสิทธิมนุษยชน โดยอาจระบุให้รัฐบาล อุตสาหกรรมหนึ่ง ทั้งนี้ รัฐควรพิจารณาครอบคลุม
ต้องพิจารณาการประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ผลการดำาเนินงานที่สำาคัญ
ที่อาจเกิดขึ้นจากข้อตกลงดังกล่าว รวมถึงควรพิจารณา เช่น ศาลแรงงาน แผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลอาญาหรือ
ข้อบทเพื่อความมั่นคงแห่งสัญญา (Stabilization clause) ศาลปกครอง เป็นต้น
ในข้อตกลงการลงทุนว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการด�าเนิน
นโยบายของรัฐในการส่งเสริม คุ้มครอง และปรับปรุง (๑๒) ควรระบุถึงกลไกการเยียวยาของกระบวนการ
การด�าเนินการให้สอดคล้องกับหลักการธุรกิจกับ ยุติธรรมของรัฐ และกฎหมายว่าด้วยการเยียวยานอก
สิทธิมนุษยชน โดยอาจพิจารณาแนวทางการเจรจา กระบวนการยุติธรรม กลไกการร้องทุกข์นอกกระบวนการ
บนพื้นฐานของสิทธิมนุษยชนด้วย ยุติธรรมที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสม โดยควรให้มี
การจัดท�ากฎหมายกลางว่าด้วยการเยียวยานอก
(๑๐) ควรระบุแผนงานและรายละเอียดในการ กระบวนการยุติธรรมทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน โดยวิธี
เพิ่มศักยภาพ ความรู้ การแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมกัน การไกล่เกลี่ยประนีประนอมที่ผลของข้อตกลงสามารถ
รวมถึงอุปสรรคในการเข้าถึงกระบวนการเยียวยา บังคับได้ ระบุให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องโดยตรง
ที่มีประสิทธิภาพแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกิจกรรม เป็นผู้พิจารณาและจัดท�าการศึกษาวิเคราะห์ปัญหาและ
ทางธุรกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบาง โดยควรระบุ ช่องว่างที่มีอยู่ในประเด็นเฉพาะและรายอุตสาหกรรม
มาตรการที่มีประสิทธิภาพทั้งที่ใช้ได้เป็นการทั่วไปและ โดยการประเมินความมีประสิทธิภาพของกลไกการร้องทุกข์
197