Page 46 - ข้อเสนอแนะการเข้าถึงความยุติธรรมของผู้หญิงมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้
P. 46

๒) ความเห็นขององค์การระหว่างประเทศและองค์กรภาครัฐต่อข้อเสนอแนะของผู้หญิงในการส่งเสริม
               การเข้าถึงความยุติธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้



                        การสัมมนาระดับชาติ เรื่อง “สู่แนวปฏิบัติเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงความยุติธรรมของผู้หญิงมุสลิมในจังหวัด
               ชายแดนภาคใต้” เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๘ ซึ่ง กสม. และองค์กรเครือข่ายร่วมกันจัดขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยน
               ความคิดเห็นเกี่ยวกับการอ�านวยความยุติธรรมและการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของผู้หญิงนั้น มีผู้แทนองค์การระหว่าง
               ประเทศและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้ความเห็นต่อข้อเสนอแนะของผู้หญิงมุสลิมในการส่งเสริมการเข้าถึง
               ความยุติธรรมของผู้หญิงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงข้อมูลในสิ่งที่หน่วยงานรัฐก�าลังด�าเนินการตามค�ามั่น และ

               แผนการด�าเนินงานของหน่วยงานในเรื่องนี้ ดังนี้


               โรแบร์ตา  คล้าค  (Roberta Clarke)

               ผู้อ�ำนวยกำรภูมิภำคเอเชียและแปซิฟิก
               องค์กำรเพื่อควำมเสมอภำคระหว่ำงเพศและเพิ่มพลังของผู้หญิงแห่งสหประชำชำติ (UN WOMEN)


                                                          “ประเทศไทยนับเป็นประเทศผู้น�าในการเป็นภาคี CEDAW ใน

                                                 ภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นหนึ่งในสองประเทศในภูมิภาคเอเชีย ตะวัน
                                                 ออกเฉียงใต้ ซึ่งจริงๆ แล้วในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกด้วย ที่เป็นภาคีพิธีสาร

                                                 เลือกรับของ CEDAW ตอนที่ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีนั้นได้มีข้อสงวน
                                                 หลายข้อ และล่าสุดได้ถอนข้อสงวนข้อที่ ๑๖ เรื่องการใช้มาตรการที่เหมาะสม
                                                 ในการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิงในชีวิตสมรสและสัมพันธภาพใน

                                                 ครอบครัวให้มีความเสมอภาคระหว่างหญิงชายออกในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่ง
                                                 นับเป็นก้าวย่างที่ส�าคัญมากที่สร้างให้เกิดกรอบการปฏิบัติงานที่เรามาคุย

                                                 กันวันนี้... ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคณะกรรมการ CEDAW ได้ให้ข้อสังเกต
               แก่ประเทศภาคีเช่นเดียวกับประเทศไทยที่มีข้อสงวนที่ข้อ ๑๖ ว่า เหตุผลเกี่ยวกับศาสนา วัฒนธรรม และประเพณี
               ไม่สามารถน�ามาเป็นเหตุผลในการเลือกปฏิบัติได้ จึงขอให้ประเทศต่างๆ ถอนข้อสงวนข้อนี้ออกไป ซึ่งประเทศไทย

               ได้แสดงบทบาทน�าในการถอนข้อสงวนนี้ออกไปแล้ว แต่ข้อท้าทายของประเทศไทยและอีกหลายประเทศคือ
               ท�าอย่างไรจะให้การถอนข้อสงวนน�าไปสู่การออกกฎหมาย นโยบาย และน�าไปสู่การปฏิบัติที่สอดคล้องกับมาตรฐาน

               CEDAW เพื่อเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมน�าไปสู่ความเสมอภาคอย่างแท้จริง โดยไม่น�าเหตุผลทางศาสนา วัฒนธรรม และ
               ประเพณีมาเป็นเหตุผลในการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิง
                      ในการปฏิบัติตามพันธกรณี CEDAW มีหลักการส�าคัญสามประการ ซึ่งมีความส�าคัญไม่เฉพาะกับไทยแต่กับ

               ทุกประเทศ ได้แก่ ๑) ความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย ซึ่งไม่เฉพาะความเสมอภาคทางโอกาส การเข้าถึงทรัพยากร
               เท่านั้น แต่ยังหมายถึงความเสมอภาคในผลลัพธ์ที่ท�าให้หญิงและชายมีความเสมอภาคและชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่าง

               มั่นคงด้วย ๒) การไม่เลือกปฏิบัติทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยรัฐมีข้อผูกพันที่จะขจัดการเลือกปฏิบัติโดยกฎหมาย
               และนโยบายทั้งทางตรงและทางอ้อม การขจัดการเลือกปฏิบัติทางอ้อมจะเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงบรรทัดฐานและ
               การปฏิบัติทางวัฒนธรรม ๓) รัฐมีพันธกรณีที่จะต้องเคารพ คุ้มครองและท�าให้สิทธิของประชาชนเกิดขึ้นจริง ไม่เพียง

               แต่รัฐที่จะต้องด�าเนินการตามพันธะสัญญาเท่านั้น ผู้ที่ไม่ใช่ภาครัฐ เช่น นายจ้าง สหภาพการค้า สามี-ภรรยา เอกชน
               ก็ต้องมีข้อผูกพันที่จะยึดหลักความเสมอภาคระหว่างหญิงชายด้วย นอกจากนั้น CEDAW ยังระบุให้ประเทศภาคีบรรจุ

               หลักความเสมอภาคระหว่างหญิงชายไว้ในรัฐธรรมนูญด้วย

                                                  ข้อเสนอแนะ การเข้าถึงความยุติธรรมของผู้หญิงมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้  35
   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51