Page 123 - รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560
P. 123

๒.๓.๗ โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การส่งเสริมความรู้และสร้างความตระหนักในการเสนอข่าวที่
           เคารพสิทธิมนุษยชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชนในประเด็นต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และ
           ส่งผลกระทบกับประชาชน ให้แก่สื่อมวลชนได้รับทราบอย่างถูกต้อง และเพื่อสร้างความร่วมมือและสัมพันธภาพที่ดีร่วมกับ
           เครือข่ายสื่อมวลชน ซึ่งจะน�าไปสู่การสร้างความรู้ความเข้าใจด้านสิทธิมนุษยชนให้แก่สังคมต่อไป กลุ่มเป้าหมายประกอบ

           ด้วย สื่อมวลชนทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค นักวิชาการ และผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุน
           การท�างานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งมีอ�านาจหน้าที่ในการปกป้องและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนให้แก่
           ประชาชน รวมถึง การส่งเสริมให้ประชาชนได้รับความรู้ความเข้าใจในเรื่องสิทธิมนุษยชน



                   ผลส�าเร็จ/ความก้าวหน้าในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน


                   สื่อมวลชนได้รับความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักการสิทธิมนุษยชน ตลอดจนเรียนรู้จากกรณีศึกษา
           ที่สื่อมวลชนละเมิดสิทธิและเสรีภาพในรูปแบบต่าง ๆ และได้รู้ถึงปัญหาอุปสรรคในการน�าเสนอข่าวในประเด็นเกี่ยวกับ

           การละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพของบุคคลอื่น และน�าข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะไปสู่การพัฒนามาตรฐานทางวิชาชีพต่อไป


                   ๒.๓.๘  โครงการสัมมนา เรื่อง พระราชก�าหนดการประมงกับการประมงที่ยั่งยืน ระหว่างวันที่ ๕ – ๖ กันยายน ๒๕๕๙



                          สืบเนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้ออกพระราชก�าหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งมีบทบัญญัติบางมาตรา
           ที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวประมงพื้นบ้านและชาวประมงขนาดเล็ก รวมถึงกระทบต่อการจัดการทรัพยากร
           ทางทะเลและชายฝั่ง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้มีการสัมมนาระดมความคิดเห็นเพื่อให้สาธารณชนและ
           หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นความส�าคัญของสิทธิชุมชนและการมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารจัดการทรัพยากรทาง

           ทะเล ชายฝั่ง และการประมงอย่างยั่งยืน


                   ผลส�าเร็จ/ความก้าวหน้าในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน



                   ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน และจัดท�าข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
                   ๑. นิยามของค�าว่า “ประมงพื้นบ้าน” และ “ประมงน�้าจืด” ยังขาดค�าอธิบายที่ชัดเจน จึงเสนอให้หมายถึง
           การท�าการประมงที่สงวนไว้ให้กับผู้ที่มีสัญชาติไทยเท่านั้น และต้องเป็นการท�าการประมงด้วยเรือตนเอง
                   ๒. การก�าหนดประเภทเครื่องมือที่ใช้ในการท�าประมงพื้นบ้าน ต้องค�านึงถึงประเภทของเครื่องมือและวิธีการ

           ท�าการประมงที่ไม่เป็นการท�าลายพันธุ์สัตว์น�้าวัยอ่อน
                   ๓. ควรใช้ประเภทของเครื่องมือในการท�าประมงเป็นตัวก�าหนดเขตพื้นที่ในการท�าประมงมากกว่าการก�าหนด
           โดยขนาดของเรือประมง
                   ๔. พระราชก�าหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตรา ๑๐ บัญญัติว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดใช้เรือไร้สัญชาติท�าการประมง”

           ท�าให้ส่งผลกระทบต่อเรือประมงพื้นบ้านขนาดเล็ก เนื่องจากการประชาสัมพันธ์ไม่ทั่วถึง การประกาศให้ขึ้นทะเบียนเรือมี
           ระยะเวลาสั้น และจ�านวนเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปรับเรื่องมีน้อย ท�าให้ชาวประมงพื้นบ้านไม่สามารถไปขึ้นทะเบียนเรือได้ตาม
           ก�าหนดเวลา ดังนั้น จึงควรมีข้อยกเว้น ตามกฎหมาย
                   ๕. เห็นควรให้มีการยกเลิกพระราชก�าหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ ในมาตรา ๓๔ ที่บัญญัติว่า “ห้ามมิให้ผู้ได้

           รับใบอนุญาตท�าการประมงพื้นบ้านท�าการประมงในเขตทะเลนอกชายฝั่ง”
                   ๖. การก�าหนดเขตทะเลชายฝั่งมีผลกระทบต่อชาวประมงพื้นบ้าน เห็นควรให้ก�าหนด ตามสภาพแวดล้อมในแต่ละพื้นที่





            122 |  รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจ�าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐
   118   119   120   121   122   123   124   125   126   127   128