Page 49 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 49

๓๒




                   นโยบายความรุนแรงในการปราบปรามยาเสพติด และให้ตรวจสอบทุกกรณีที่มีการวิสามัญฆาตกรรม
                   และการฆ่าตัดตอน

                                 การกล่าวโจมตีการประกาศสงครามกับยาเสพติดของรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณฯ
                   ขององค์กรสิทธิมนุษยชนในประเทศ มีประเด็นที่คล้ายคลึงกันซึ่งพอจะสรุปออกมาได้คือ ประการแรก
                   การประกาศสงครามดังกล่าวถูกมองว่าเป็นนโยบายที่ส่งเสริมให้เกิดการใช้ความรุนแรงในสังคมและ
                   สนับสนุนให้เกิดการปฏิบัติที่ขัดต่อหลักกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชน ประการที่สองเจ้าหน้าที่ผู้น า
                   นโยบายฯ  ไปปฏิบัติต้องการสนองตอบต่อนโยบายของรัฐ  และด าเนินงานให้บรรลุผลส าเร็จตาม

                   วัตถุประสงค์ที่นโยบายฯ  ได้ระบุไว้  จึงมุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพในการปราบปรามโดยที่มิได้ค านึงถึง
                   กรอบของกระบวนการยุติธรรมและหลักนิติธรรม  ประการสุดท้าย  การวิสามัญฆาตกรรมและ
                   การฆ่าตัดตอนที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อ านาจในทางที่ไม่เหมาะสมและ

                   เกินกว่าเหตุ จึงเป็นสิ่งที่ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของประเทศเกิดความเสียหาย
                                 ดังนั้น สิ่งที่องค์กรเหล่านี้ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลด าเนินการเพื่อเยียวยา
                   สถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศให้ดีขึ้น จึงเป็นไปในแนวทางเดียวกันคือ ต้องการให้รัฐบาล
                   เปิดโอกาสให้หลายๆ ฝ่ายได้ร่วมตรวจสอบและกลั่นกรองรายชื่อผู้ค้ายาเสพติดที่ปรากฏอยู่ในบัญชีด า

                   เนื่องจากเห็นว่าเป็นบัญชีรายชื่อที่จัดท าขึ้นมาแบบ “ต่างคนต่างท า”  และไม่สามารถน ามาใช้เป็น
                   มาตรฐานในการปฏิบัติงานได้ ตลอดจนต้องการให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบกรณีผู้เสียชีวิตจากการวิสามัญ
                   ฆาตกรรมและการฆ่าตัดตอนทุกกรณี และพร้อมกันนี้รัฐบาลต้องชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้
                   สาธารณชนได้รับทราบด้วย

                                 นอกจากการกล่าวถึงมาตรการดังกล่าวขององค์กรสิทธิมนุษยชนภายในประเทศแล้ว
                   องค์กรต่างประเทศที่เฝ้าระวังด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน  ก็ได้มีการกล่าวถึงภาพลักษณ์ใน
                   เชิงลบของไทยจากการปราบปรามยาเสพติดด้วยมาตรการที่เด็ดขาดและรุนแรงด้วย โดยองค์การ
                   ระหว่างประเทศเช่น องค์การสหประชาชาติ ก็ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรง

                   เกินกว่าเหตุในการปราบปรามด้วยเช่นกัน โดยเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ นางแอสมา จาฮันกีร์
                   (Asma     Jahangir)   ซึ่งด ารงต าแหน่งผู้แทนพิเศษของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่ง
                   สหประชาชาติด้านการตรวจสอบการวิสามัญฆาตกรรม การสังหาร หรือการฆ่าโดยพลการ

                   (UN Commission on Human Rights on Extrajudicial, Summary or Arbitrary Executions)
                   ได้ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลในเรื่องที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า ๑,๐๐๐ คน จากการปราบปรามการ
                   กระท าความผิดด้านยาเสพติดของรัฐบาลไทย โดยขอให้มีการสอบสวนผู้เสียชีวิตทุกกรณี
                   อย่างโปร่งใสและได้เรียกร้องให้ทางการไทยให้ความมั่นใจว่า  “จะยึดถือข้อจ ากัดในการใช้อาวุธ
                   ร้ายแรงตามที่มีก าหนดไว้ในหลักการพื้นฐานของสหประชาชาติว่าด้วยการใช้ก าลังและอาวุธปืน
                                                                        ๒๗
                   โดยเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและไม่มีข้อยกเว้น”
                                 ต่อมาในวันที่ ๓ มีนาคม  ๒๕๔๖ ส านักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่ง
                   สหประชาชาติได้แจ้งมายังรัฐบาลไทยว่า ทางส านักงานฯ จะส่งผู้แทนพิเศษมายังประเทศไทย

                   เพื่อตรวจสอบการฆ่าตัดตอนที่ได้เกิดขึ้นในช่วงเดือนแรกของการประกาศสงครามขั้นแตกหักกับ
                   ยาเสพติด และคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์

                          ๒๗
                             “UN Expert on Executions Express Concern Over Recent Killings in Thailand”United
                   Nations press release,February 24,2003”
   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53   54