Page 149 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 149
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ
เขตอุทยานแห่งชาติน�้าตกสี่ขีด ทับซ้อนพื้นที่ป่าชุมชนลุ่มน�้าคลองคราม ต�าบลท่าอุแท อ�าเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัด
สุราษฎร์ธานี ว่าการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติดังกล่าวทับซ้อนพื้นที่ป่าชุมชน ซึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
แห่งชาติเห็นว่า สิทธิของบุคคลและชุมชน ในการจัดการ การบ�ารุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อม รวมทั้ง ความหลากหลายทางชีวภาพกรณีดังกล่าว รัฐธรรมนูญ มาตรา ๖๖ และมาตรา ๖๗ ได้ให้การ
รับรองและคุ้มครองไว้แล้ว การที่ทางราชการประกาศพระราชกฤษฎีกาก�าหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ
โดยอาศัยอ�านาจตามบทบัญญัติมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ แต่เพียงฝ่ายเดียว โดยที่
ประชาชนไม่มีส่วนร่วม ท�าให้การจัดการ การบ�ารุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากป่าชุมชนที่ประชาชนท�ากินมาก่อน
ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และถูกละเมิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ด้วยเหตุนี้ พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔
มาตรา ๖ จึงกระทบต่อสิทธิมนุษยชนและไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา ๖๖ และมาตรา ๖๗
ศาลรัฐธรรมนูญมีค�าสั่งรับค�าร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช
๒๕๕๐ มาตรา ๒๕๗ วรรคหนึ่ง (๒) ประกอบข้อก�าหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการท�าค�าวินิจฉัย พ.ศ.
๒๕๕๐ ข้อ ๑๗ (๑๙) ประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาวินิจฉัยมีว่า พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔
มาตรา ๖ กระทบต่อสิทธิมนุษยชน และมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา ๖๖ และมาตรา ๖๗ หรือไม่
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา ๖๖ เป็นบทบัญญัติรับรองสิทธิของบุคคลที่
รวมกันเป็นชุมชน ชุมชนท้องถิ่น และชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม โดยบุคคลที่รวมตัวกันนี้ย่อมมีสิทธิที่จะอนุรักษ์ หรือฟื้นฟู
จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่นและของชาติ และมีส่วนร่วมในการจัดการ การบ�ารุง
รักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม รวมทั้งความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและ
ยั่งยืน โดยค�านึงถึงผลประโยชน์ของชุมชนและประโยชน์สาธารณะ รวมทั้งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อประชาชนโดย
ส่วนรวมควบคู่ไปกับการอนุรักษ์
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๖๗ เป็นบทบัญญัติรับรองสิทธิของ
บุคคลที่จะมีส่วนร่วมกับรัฐและชุมชน ในการอนุรักษ์ บ�ารุงรักษา และการได้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและ
ความหลากหลายทางชีวภาพ และในการคุ้มครอง ส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ด�ารงชีพอยู่ได้อย่าง
ปกติและต่อเนื่องในสิ่งแวดล้อม ที่จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัย สวัสดิภาพหรือคุณภาพชีวิตของตนตาม
ความเหมาะสม โดยก�าหนดหลักประกันเกี่ยวกับการใช้สิทธิดังกล่าวไว้ว่า การด�าเนินโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อ
ให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ จะกระท�า
มิได้ เว้นแต่จะได้ศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในชุมชน และจัดให้
มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียก่อน รวมทั้งได้ให้องค์การอิสระ ซึ่งประกอบด้วยผู้
แทนองค์การเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมหรือ
ทรัพยากรธรรมชาติด้านสุขภาพ ให้ความเห็นประกอบก่อนมีการด�าเนินการดังกล่าว อีกทั้ง ให้ความคุ้มครองสิทธิของ
ชุมชนในอันที่จะฟ้องหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ราชการส่วนท้องถิ่น หรือองค์กรอื่นของรัฐ ที่เป็น
นิติบุคคลเพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัตินี้
ส่วนพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๖ เป็นบทบัญญัติให้อ�านาจรัฐบาลก�าหนด
บริเวณที่ดินแห่งใดที่มีสภาพธรรมชาติเป็นที่น่าสนใจ และเป็นที่ดินที่มิได้อยู่ในกรรมสิทธิ์หรือครอบครองโดยชอบ
ด้วยกฎหมายของบุคคลใดซึ่งมิใช่ทบวงการเมืองให้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติโดยให้คงอยู่ในสภาพธรรมชาติเดิมเพื่อ
สงวนไว้ให้เป็นประโยชน์แก่การศึกษาและรื่นรมย์ของประชาชน และมีความจ�าเป็นที่ต้องอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อมเพื่อใช้ประโยชน์ตามความเหมาะสมอย่างสมดุลและยั่งยืน ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า จะต้องประกาศเป็น
148

