Page 247 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559
P. 247

สิทธิในชีวิตร่างกาย สถานการณ์ฉุกเฉินทางมนุษยธรรม การเสมอภาคทางกฎหมาย การเข้าถึงบริการยุติธรรม เสรีภาพและ
        ความมั่นคงของมนุษย์ เสรีภาพจากการถูกทรมาน การกระท�าและการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย�่ายีศักดิ์ศรี

        เสรีภาพจากการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ การกระท�ารุนแรง และการกระท�าที่มิชอบการเคารพคนพิการ เสรีภาพในการ
        โยกย้ายถิ่นฐาน การได้มาซึ่งสัญชาติ การอยู่ร่วมกันในสังคม เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การเข้าถึงข้อมูล การเคารพ
        สิทธิส่วนบุคคล การเคารพครอบครัว การเข้าถึงการศึกษา สิทธิในสุขภาพ การฟื้นฟูเยียวยา การท�างาน การมีมาตรฐานชีวิต
        ความเป็นอยู่ที่ดี การมีส่วนร่วมทางการเมือง การมีส่วนร่วมทางวัฒนธรรม สันทนาการ และการกีฬา การจัดเก็บสถิติและ
        ข้อมูลความร่วมมือระหว่างประเทศ การปรับใช้อนุสัญญาฯ ภายในประเทศ การติดตาม ตรวจสอบ การอนุวัติอนุสัญญาฯ

        ส่วนที่ ๒ (ข้อ ๓๔-๕๐) ว่าด้วยคณะกรรมการ ว่าด้วยสิทธิคนพิการ การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ การเสนอรายงาน ความร่วม
        มือระหว่างคณะกรรมการฯ กับหน่วยงานอื่น ๆ การระงับข้อพิพาท ฯลฯ



                 นอกจากนี้ ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ (Optional Protocol to
        the Convention on the Rights of Persons with Disabilities : OP- CRPD) ในการยอมรับอ�านาจของคณะกรรมการ
        ประจ�าอนุสัญญาฯ ในการพิจารณาเรื่องเรียน ซึ่งมีผลใช้บังคับกับประเทศไทยนับตั้งแต่วันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๙


        ๒.๙ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร (United Nations
        Convention against Transnational Organized Crime – UNTOC) และพิธีสารว่าด้วย

        การป้องกัน ปราบปราม และลงโทษการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะสตรีและเด็ก (Protocol to Prevent,
        Suppress and Punish Trafficking in Persons, Especially Women and Children,
        supplementing the United Nations Convention against Transnational Organization

        Crime)
                 ประเทศไทยได้ลงนามอนุสัญญาสหประชาชาติ เพื่อการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร เมื่อ
        วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๔๓ และพิธีสารเพื่อป้องกัน ปราบปราม และลงโทษการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะสตรีและเด็ก เมื่อวันที่
        ๑๘ ธันวาคม ๒๕๔๔ และให้สัตยาบันตราสารทั้งสองฉบับ โดยมีผลใช้บังคับกับประเทศไทยในวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๖



                 พิธีสารเพื่อป้องกัน ปราบปราม และลงโทษ การค้ามนุษย์โดยเฉพาะสตรีและเด็ก มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อป้องกัน
        และต่อต้านการค้ามนุษย์ โดยให้ความส�าคัญเป็นพิเศษกับสตรีและเด็ก โดยได้ก�าหนดให้การค้ามนุษย์เป็นความผิดทางอาญา

        และก�าหนดมาตรการเพื่อคุ้มครองและช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ เช่น การให้พิจารณาคดีโดยลับ การจัดให้มีการ
        ฟื้นฟูทางกายภาพ ทางจิตใจ และทางสังคม และการก�าหนดแนวทางในการส่งกลับเหยื่อจากการค้ามนุษย์ไปยังประเทศต้นทาง


                 ปัจจุบันประเทศไทยมีพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.
        ๒๕๔๖ และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นกฎหมายอนุวัติการส�าหรับอนุสัญญาและ

        พิธีสารดังกล่าวแล้ว


          ๓.  ปฏิญญา ข้อมติ มาตรฐาน แนวทาง ข้อก�าหนดระหว่างประเทศ



        ๓.๑ ปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิของชนเผ่าพื้นเมือง (Universal Declaration on the Rights
        of Indigenous Peoples : UNDRIP)
                 ประเทศไทยได้ลงนามเห็นชอบปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิของชนเผ่าพื้นเมือง (Universal Declaration
        on the Rights of Indigenous Peoples : UNDRIP) ในวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๐ ในการประชุมสมัยสามัญครั้งที่ ๖๑

        โดยมีรัฐบาลที่ลงนามทั้งหมด ๑๔๓ ประเทศ ไม่เห็นชอบ ๔ ประเทศและงดออกเสียง ๑๑ ประเทศ และขาดการประชุม ๓๔


                                 รายงานผลการประเมินสถานการณ์  246  ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙
   242   243   244   245   246   247   248   249   250   251   252