Page 38 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยแผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
P. 38
ในส่วนที่สาม อธิบายถึงสภาพปัญหาในการบังคับใช้ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย พบว่า ปัญหาส าคัญที่มี
ผลกระทบต่อการบังคับใช้ในประเทศ คือ ประเทศไทยยังไม่มีการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชนกับ
ธุรกิจโดยตรงและเป็นระบบมากนัก แต่ก็สามารถท าความเข้าใจในสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนที่
เกิดขึ้นในภาคธุรกิจได้ จากรายงานขององค์กรด้านสิทธิมนุษยชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถสรุป
ภาพรวมสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนในภาคธุรกิจไทยได้ว่าเกิดการละเมิดใน 3 สิทธิที่ส าคัญ ได้แก่
1. สิทธิแรงงาน ที่เกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย เสรีภาพในการรวมกลุ่มเจรจาต่อรอง การเลือกปฏิบัติ
และการใช้สัญญาจ้างที่ไม่เป็นธรรม
2. สิทธิแรงงานข้ามชาติ การละเมิดสิทธิของแรงงานข้ามชาติแบ่งได้เป็น 3 รูปแบบ คือ สิทธิแรงงาน
ทั่วไป (ค่าจ้าง ชั่วโมงการท างาน วันหยุด) การยึดเอกสารเดินทางของลูกจ้าง และการท าร้ายร่างกายและการ
ละเมิดทางเพศ นอกจากนี้ยังมีประเด็นความแตกต่างทางวัฒนธรรมของลูกจ้างอีกด้วย
3. สิทธิสิ่งแวดล้อมและชุมชน ซึ่งการด าเนินงานที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน
ส่วนมากจะเกิดขึ้นในการด าเนินโครงการขนาดใหญ่
และเมื่อพิจารณาการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากกรณีศึกษาอุตสาหกรรมอาหารทะเลและอุตสาหกรรม
เหมืองแร่ในประเทศไทย พบว่า สภาพปัญหาของการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลส่วนมากเกิดจากข้อจ ากัดของ
มาตรฐานการด าเนินงานที่มักจะอยู่ในลักษณะรูปแบบสมัครใจ ที่ภาคธุรกิจสามารถเลือกได้เองว่าจะรายงาน
ประเด็นใด รวมทั้งเลือกรับเอามาตรฐานใดมาปรับใช้ ซึ่งส่วนมากภาคธุรกิจมักจะเลือกมาตรฐานที่ตนมองว่า
สามารถปฏิบัติตามได้อยู่แล้ว
ในส่วนสุดท้าย ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่ได้จากรายงานฉบับนี้ พบว่า ในปัจจุบันการคุ้มครอง
สิทธิมนุษยชนถือเป็นส่วนส าคัญของมาตรฐานสากลต่างๆ ที่ส่งเสริมเรื่องความรับผิดชอบของธุรกิจต่อสังคม
(CSR) และภาคธุรกิจของไทยให้ความสนใจที่จะเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง มาตรฐานสากลต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นมี
ความครอบคลุมและเพียงพอแล้ว กสม. ไม่จ าเป็นต้องพัฒนามาตรฐานใหม่ๆ แต่ กสม. ควรพิจารณาริเริ่มการ
จัดท าคู่มือตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence) เพื่อเป็นเครื่องมือที่
สนับสนุนการปฏิบัติงานตามมาตรฐานต่างๆ ของภาคธุรกิจให้สามารถวัดผลได้อย่างแท้จริง และภายหลังจาก
การจัดท าคู่มือแล้ว กสม. ควรร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจในการเผยแพร่คู่มือและสร้าง
แรงจูงใจให้ภาคเอกชนน าคู่มือดังกล่าวไปปฏิบัติ อาทิ
1. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย: ก ากับดูแลบริษัทจดทะเบียน ส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลตาม
เกณฑ์ Global Reporting Initiative (GRI)
2. ส านักงานคณะกรรมการก ากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.): ก ากับดูแลบริษัทจด
ทะเบียน
3. ส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI): ก ากับเงื่อนไขการลงทุนของบริษัทข้ามชาติ
2-14