Page 142 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ประจำปี 2558
P. 142

รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๘



                ๔. การประเมินสถานการณ์


              ประเทศไทยได้ใช้มาตรการด้านกฎหมายในการป้องกันและปราบปราม
              การค้ามนุษย์มาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การประกาศใช้พระราชบัญญัติป้องกัน
              และปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งก�าหนดให้มีคณะกรรมการประสาน
              และก�ากับการด�าเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ระดับชาติ ภูมิภาค
              จังหวัด มีนโยบายยุทธศาสตร์และมาตรการในการป้องกันและปราบปราม
              การค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๔ – ๒๕๕๙ การมีกองทุนเพื่อการป้องกันและ
              ปราบปรามการค้ามนุษย์ มีกลไกประสานงานในระดับระหว่างประเทศ และมี
              ระบบฐานข้อมูลการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ แต่สถานการณ์การค้า
              มนุษย์ในประเทศไทยยังเป็นเรื่องที่รัฐต้องเฝ้าระวัง ติดตาม และท�างานในเชิงรุก
              มากขึ้น โดยรัฐบาลจ�าเป็นต้องด�าเนินการในเรื่องต่อไปนี้ ให้มีประสิทธิภาพ
              มากยิ่งขึ้น กล่าวคือ

              การบังคับใช้กฎหมาย แม้ว่ารัฐบาลจะมีการออกกฎหมายฉบับต่าง ๆ เพื่อแก้ไข
              ปัญหาการค้ามนุษย์ และมีรายงานผลการจับกุมและด�าเนินคดีผู้ที่กระท�าความผิด
              ในคดีการค้ามนุษย์ที่เพิ่มมากขึ้น แต่ภาพรวมของสถานการณ์การค้ามนุษย์ และ                                 บทที่ ๔ สถานการณ์สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
              การบังคับใช้กฎหมายเพื่อด�าเนินคดีและพิพากษาลงโทษผู้กระท�าความผิดฐาน  ผู้เสียหายเหล่านั้นกลับเข้าสู่วงจรการค้ามนุษย์
              ค้ามนุษย์ รวมถึงผู้ที่ท�าให้เหยื่อหรือผู้เสียหายต้องถูกบังคับใช้แรงงานในภาค  ซ�้าอีก ทั้งนี้ ในขั้นตอนของการให้ความช่วยเหลือ
              ธุรกิจการค้าและการส่งออกของประเทศยังไม่ชัดเจนนัก ซึ่งรัฐควรด�าเนินการ  รัฐควรจัดให้มีล่ามแปลภาษาส�าหรับเหยื่อหรือผู้เสีย
              เพื่อบังคับใช้กฎหมายให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง เพื่อแสดงให้เห็นถึง   หายที่เป็นแรงงานข้ามชาติอย่างเพียงพอ เพื่อท�าให้
              ความพยายามในการแก้ไขปัญหา รวมถึงการน�าตัวผู้กระท�าความผิดฐานค้า  กระบวนการสื่อสารเกิดความเข้าใจตรงกัน ซึ่งจะ
              มนุษย์ และผู้ที่หลอกลวงเหยื่อหรือผู้เสียหาย/นายหน้าในการจัดหาเหยื่อ   ส่งผลให้การช่วยเหลือเยียวยาเหยื่อหรือผู้เสียหาย
              หรือผู้เสียหายเข้าสู่วงจรการค้ามนุษย์มาด�าเนินคดี
                                                                          ที่เป็นแรงงานข้ามชาติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
              การด�าเนินงานแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างบูรณาการ รัฐบาลมีความ  การพัฒนาความร่วมมือในระดับอาเซียน ปัญหา
              พยายามในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ทั้งในส่วนของการออกกฎหมาย   การค้ามนุษย์เป็นปัญหาที่มีความเชื่อมโยงกัน
              เพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ การจัดตั้งหน่วยงานที่มีความรับผิดชอบ   ระหว่างประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม
              โดยตรง ตลอดจนการจัดตั้งคณะกรรมการชุดต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหา    อาเซียน ซึ่งมีทั้งประเทศที่อยู่ในสถานะประเทศ
              แต่การด�าเนินงานดังกล่าวต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากองค์กร/หน่วยงาน   ต้นทาง ทางผ่าน และประเทศปลายทาง ทั้งนี้
              ภาคประชาสังคม ที่มีประสบการณ์ตรงในการท�างานเกี่ยวข้องกับปัญหา   หากการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์กระท�าจ�ากัด
              การค้ามนุษย์ ซึ่งหากรัฐและองค์กร/หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมีการด�าเนินงาน   เพียงประเทศใดประเทศหนึ่ง ย่อมไม่สามารถแก้ไข
              ที่สอดคล้องและร่วมมือกัน ย่อมจะส่งผลให้การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์   ปัญหาการค้ามนุษย์ได้อย่างยั่งยืน ดังนั้น รัฐบาลควร
              และการให้ความช่วยเหลือเหยื่อหรือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ด�าเนินการ   ด�าเนินการพัฒนาความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ
              ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
                                                                          อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์
              การดูแลช่วยเหลือเหยื่อจากขบวนการค้ามนุษย์ จากกรณีการช่วยเหลือแรงงาน  เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล
              ไทยที่เกาะอัมบน ประเทศอินโดนีเซีย สะท้อนให้เห็นว่ากระบวนการช่วยเหลือ  อาทิ การลงนามความร่วมมือ (MOU) ในการแก้ไข
              เหยื่อหรือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ของรัฐบาลยังขาดประสิทธิภาพและ   ปัญหาการค้ามนุษย์ การสนับสนุนหรือผลักดันให้
              ไม่ทันท่วงที เนื่องจากพบว่า เหยื่อหรือผู้เสียหายบางรายไม่ได้รับความช่วยเหลือ   ประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศ เข้าร่วมเป็น
              มาเป็นระยะเวลามากกว่า ๕ ปี นับตั้งแต่เดินทางออกจากประเทศไทย ซึ่งรัฐ   ภาคีในอนุสัญญาอาเซียนต่อต้านการค้ามนุษย์
              จ�าเป็นต้องมีการท�างานเชิงรุกในการสืบหาเบาะแสว่ายังมีเหยื่อหรือผู้เสียหาย   โดยเฉพาะสตรีและเด็ก (ASEAN Convention
              ที่เป็นคนไทยถูกล่อลวงไปใช้แรงงานยังประเทศอื่น ๆ อีกหรือไม่ เพื่อจะได้ให้   against Trafficking, Especially Women and
              การช่วยเหลือเหยื่อหรือผู้เสียหายเหล่านั้นได้อย่างทันท่วงที ในทางกลับกันเหยื่อ   Children) เพื่อให้มีผลใช้บังคับโดยเร็ว  ๑๘๔
              หรือผู้เสียหายที่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานข้ามชาติ รัฐบาล
              ต้องให้ความส�าคัญในการช่วยเหลือและดูแล เพื่อป้องกันไม่ให้เหยื่อหรือ


              ๑๘๔   เงื่อนไขการบังคับใช้ของอนุสัญญาฯ คือ ต้องมี ๖ ประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าเป็นภาคี โดยประเทศไทยเป็นประเทศล�าดับที่ ๓ ต่อจากกัมพูชาและสิงค์โปร์
                                                                                                          112
   137   138   139   140   141   142   143   144   145   146   147