Page 5 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 5
บทสรุปส�าหรับผู้บริหาร
เมื่อวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๔๖ คณะรัฐมนตรีภายใต้การน�าของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น มีมติ
ก�าหนดนโยบายปราบปรามยาเสพติดให้เป็นวาระแห่งชาติ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ โดยก�าหนดระยะเวลาการด�าเนินนโยบาย
ดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในช่วงระยะเวลาสามเดือน กล่าวคือ ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๔๖ และ
ต่อมา มีการมอบหมายนโยบายดังกล่าวแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับต่างๆ เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามนโยบาย อย่างไรก็ตาม
ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ภายหลังจากการด�าเนินนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล มีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นเป็นจ�านวน ๒,๖๐๔ คดี
และมีผู้เสียชีวิตจ�านวนทั้งสิ้น ๒,๘๗๓ คน ซึ่งเป็นจ�านวนสูงผิดปกติเมื่อเปรียบเทียบกับคดีฆาตกรรมในช่วงระยะเวลาเดียวกันก่อน
(พ.ศ.๒๕๔๔ – พ.ศ. ๒๕๔๕) และหลังการด�าเนินนโยบายดังกล่าว (พ.ศ. ๒๕๔๗ – พ.ศ. ๒๕๔๘) กอปรกับมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับ
การกระท�าความผิดอาญาซึ่งเป็นการกระท�าอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นจ�านวนมาก
ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบและความเสียหายต่อประชากรพลเรือนอย่างกว้างขวาง
โดยที่ประเทศไทยมีข้อผูกพันตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศฉบับต่างๆ ในการให้ความคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นองค์กรอิสระที่มีอ�านาจหน้าที่โดยตรงในการส่งเสริมการเคารพและการปฏิบัติตาม
หลักสิทธิมนุษยชน ทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ ตลอดจนตรวจสอบและรายงานการกระท�าหรือการละเลยการกระท�า
อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือไม่เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี
ส�านักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจึงเห็นความส�าคัญและความจ�าเป็นที่จะต้องจัดให้มีการศึกษาเกี่ยวกับปัญหาและ
ผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยมี
วัตถุประสงค์เพื่อน�าเสนอข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้ปรากฏต่อสังคม และเพื่อท�าให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ได้รับความเสียหายและผล
กระทบจากการด�าเนินนโยบายดังกล่าว ตลอดจนเพื่อด�าเนินการให้ผู้กระท�าความผิดได้รับโทษตามความเหมาะสม อันจะเป็นการ
คุ้มครองสิทธิมนุษยชนแก่ประชากรพลเรือนของประเทศไทย และในขณะเดียวกันก็จะเป็นการป้องกันมิให้องค์กรของรัฐก�าหนด
นโยบายใดๆ ที่เป็นการเปิดโอกาสให้มีการกระท�าอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อไปในอนาคต
การศึกษาตามโครงการศึกษานี้เป็นการศึกษาวิจัยทางกฎหมายโดยแท้ (Juridical Research) และไม่มีความมุ่งหมาย
เพื่อประโยชน์ในทางการเมืองแต่อย่างใด การศึกษากระท�าโดยการค้นคว้าวิจัยเอกสาร (Documentary Research) โดยเฉพาะ
อย่างยิ่ง ข้อมูลที่ได้จากรายงานของ “คณะกรรมการอิสระตรวจสอบ ศึกษา และวิเคราะห์การก�าหนดนโยบายปราบปรามยาเสพติด
ให้โทษและการน�านโยบายไปปฏิบัติจนเกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียงและทรัพย์สินของประชาชน” (คตน.) และรายงาน
การศึกษาวิเคราะห์ของ “คณะอนุกรรมการตรวจสอบผู้รับผิดชอบเชิงนโยบาย” ตลอดจนเรื่องร้องเรียนของผู้ได้รับผลกระทบจากการ
ด�าเนินนโยบายดังกล่าวที่เสนอมายังส�านักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นอกจากนี้ คณะผู้วิจัยยังได้ลงพื้นที่ในภูมิภาค
ต่างๆ ของประเทศไทย เพื่อประชุมกลุ่มย่อย (focus group) และรับฟังข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานต่างๆ จากครอบครัวของ
ผู้เสียหายและบุคคลฝ่ายต่างๆ ด้วย
การศึกษานี้แบ่งการน�าเสนอออกเป็น ๕ บท ได้แก่ บทน�า บทที่หนึ่ง สภาพการณ์และสภาพปัญหาโดยรวมจากนโยบาย
ของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้ยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖ บทที่สอง สภาพการณ์และสภาพปัญหาโดยรวมของการด�าเนิน
นโยบายปราบปรามยาเสพติดในประเทศเม็กซิโกในช่วงระหว่างปี ค.ศ. ๒๐๐๖ – ค.ศ. ๒๐๑๒ บทที่สาม แนวคิด หลักการสิทธิมนุษยชน
และหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง บทที่สี่ บทวิเคราะห์ปัญหาเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาล
ในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี ๒๕๔๖ บทที่ห้า บทสรุปและข้อเสนอแนะ
ค
ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖