Page 84 - รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการวิจัยการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน
P. 84

บรรทุกได้ประมาณ ๓๕ คน/ครั้งเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายปลายทาง ได้แก่ อําเภอหาดใหญ่ จังหวัด
                   สงขลา ภูเก็ต หรือ จังหวัดใกล้เคียง รวมทั้ง อําเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส ก่อนจะลักลอบเข้าสู่

                   ประเทศมาเลเซีย   ในการเดินทางแต่ละครั้งจะมีรถประกบหน้า-หลังเพื่อทําหน้าที่คุ้มกันและดูว่าข้างหน้า
                   มีด่านตรวจหรือไม่ หากมีก็จะมีการส่งสัญญาณ ก็จะมีการเปลี่ยนเส้นทางพาชาวโรฮิงญาไปหลบซ่อนตัว
                   ตามสวนยางพารา ซึ่งอยู่บนเขา ก่อนจะหาเส้นทางอื่น จากการสัมภาษณ์ชาวโรฮิงญา (ขอปกปิดชื่อ)ที่
                   อพยพมาอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลากว่า ๓๐ ปี และคอยให้ความช่วยเหลือผู้อพยพชาวโรฮิงญา พบว่า ผู้ที่

                   รับค่าจ้างขนชาวโรฮิงญาซึ่งเป็นคนไทยจะได้รับค่าจ้างครั้งละ ๕๐,๐๐๐ บาท ส่วนพวกนายหน้า หาก
                   สามารถพาชาวโรฮิงญาเข้าไปถึงประเทศมาเลเซียได้ จะได้ค่าหัวต่อคนหัวละ ๖๐,๐๐๐ – ๘๐,๐๐๐ บาท
                   หากเป็นหญิงสาวจะได้ราคาดีกว่านั้น
                          ในช่วงปี ๒๕๕๗ – ๒๕๕๘ มีการนําพาชาวโรฮิงญาไปอยู่ในค่ายกักกันบนภูเขาตามแนวชายแดน

                   ไทย – มาเลเซีย โดยมีการนําเรือเล็กไปรับชาวโรฮิงญาจากเรือใหญ่ที่ลอยอยู่ห่างจากฝ๎่งทะเลในเวลา
                   กลางคืน แล้วเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่งไปที่จังหวัดสตูล แยกตามสายและพื้นที่รับผิดชอบ ก่อนส่งต่อไปยัง
                   สถานที่พักพิงชั่วคราวในตําบลปาดังเบซาร์ อําเภอสะเดา จังหวัดสงขลา โดยเฉพาะเทือกเขาแก้ว ซึ่งเป็น
                   พื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัดสงขลา ยาวไปถึงจังหวัดสตูล

                          จากการสัมภาษณ์เหยื่อที่ถูกนําตัวไปกักขังที่บนเทือกเขาแก้ว(สัมภาษณ์เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน
                   ๒๕๕๘ ) พบว่า ในระหว่างการนําชาวโรฮิงญาไปกักตัวไว้ในสถานที่พักพิงชั่วคราว มีทั้งคนไทย คนโรฮิงญา
                   และคนบังคลาเทศ พร้อมอาวุธเป็นผู้ควบคุม และใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อกับทางญาติของชาวโรฮิงญาให้

                   จ่ายเงินค่านําพา หากไม่มีเงินจ่ายก็จะทุบตีซ้ําแล้วซ้ําอีกจนบางรายกลายเป็นคนพิการ เดินไม่ได้ บางราย
                   เสียชีวิต แล้วนําไปฝ๎งไว้ที่ใกล้ๆ ค่ายกักกัน  หากคนใดคิดที่จะหลบหนี ก็จะถูกทุบตี ด้วยไม้ บางคนก็จะจับ
                   ไปมัดกับต้นไม้โดยใช้เชือกมัดไว้จนกระทั่งถึงเช้า การกระทําของขบวนการนี้เป็นการค้ามนุษย์อย่างชัดเจน
                   คือเป็นการนําบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น
                   โดยทําให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกายและร่วมกันเรียกค่าไถ่

                          จากการสัมภาษณ์ตํารวจตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)จังหวัดสงขลา(สุมภาษณ์เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน
                   ๒๕๕๘) ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ดําเนินการเฝูาระวังและจับกุมขบวนการขนย้ายชาว
                   โรฮิงญาในพื้นที่รับผิดชอบ พบว่า การนําพาชาวโรฮิงญาเข้าสู่ประเทศไทยทําอย่างเป็นระบบ มีการ

                   เชื่อมโยงกันระหว่างนายหน้าที่เป็นชาวพม่าและนายหน้าที่เป็นคนไทย เมื่อถึงฝ๎่งประเทศไทย จะมี
                   เครือข่ายของผู้มีอิทธิพลซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่นจังหวัดสตูล เป็นขบวนการใหญ่ที่เชื่อมโยงกับเครือข่าย
                   ในจังหวัดสงขลา และจังหวัดระนอง มีการลักลอบค้าชาวโรฮิงญามานานหลายปี โดยมีเครือข่ายย่อยที่ดูแล
                   ระดับพื้นที่ อีก ๕ พื้นที่ คือ (๑) พื้นที่ ต.วังประจัน อ.ควนโดน .จ.สตูล (๒) พื้นที่ ต.ตํามะลัง และ ต.

                   ตันหยงโป อ.เมืองสตูล  (๓)  พื้นที่ ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล (๔) พื้นที่ ต.ปูยู อ.เมือง จ. สตูล (๕)
                   พื้นที่ อ.ท่าแพ จ.สตูล นอกจากนี้ยังมีสมาชิกของเครือข่ายบางส่วนที่คอยทําหน้าที่ประสานงานและดูแล
                   ชาวโรฮิงญา โดยการทํางานของเครือข่ายจะมีทีมงานคอยรับชาวโรฮิงญาที่ล่องเรือมาจากรัฐยะไข่ ประเทศ
                   สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา แล้วพาขึ้นฝ๎่ง ซึ่งเครือข่ายเหล่านี้ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตํารวจจับกุม ดําเนินคดี

                   ส่งฟูองศาลแล้ว






                                                             ๖๔
   79   80   81   82   83   84   85   86   87   88   89