Page 12 - รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการวิจัยการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน
P. 12

เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐได้เรียนรู้ภาษาของแรงงานที่สามารถสื่อสารกับแรงงานได้ โดยตรง การมีศูนย์
                   เตรียมความพร้อมของแรงงานที่จะเข้ามาท างานใหม่ และมีการให้ความรู้เบื้องต้นส าหรับการท างาน

                   ในประเทศไทย และในช่วงการจดทะเบียนควรมีการประชาสัมพันธ์เป็นภาษาของแรงงาน  การ
                   เสริมสร้างองค์ความรู้แก่กลุ่มเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ หรือกลุ่มเหยื่อค้ามนุษย์ เช่น การจัด
                   โครงการอบรมให้ความรู้แก่แรงงานเกี่ยวกับสิทธิของแรงงาน โดยต้องให้ความส าคัญกับทั้งแรงงาน
                   ไทยและแรงงานข้ามชาติ

                                  (๗)  กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย และ
                   ส านักงานต ารวจแห่งชาติ ควรให้ความส าคัญกับการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการท างานกับ
                   องค์กรภาคประชาสังคม ในพื้นที่ เนื่องจากกลุ่มองค์กรเหล่านี้มีศักยภาพในการท างานเชิงรุกได้
                   ค่อนข้างดี เนื่องจากมีเป้าหมายในการท างานที่ชัดเจน เฉพาะเรื่อง ไม่ต้องแบกรับภาระหน้าที่

                   หลากหลายเช่นหน่วยงานราชการ ฉะนั้นการสร้างภาคีความร่วมมือในการท างานร่วมกับองค์กรภาค
                   ประชาสังคม จึงสามารถเติมเต็มกระบวนการท างานของหน่วยงานภาครัฐได้เป็นอย่างดี
                                 (๘)   ส านักงานต ารวจแห่งชาติต้องเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายทุกฉบับที่
                   เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์  ได้แก่ การเอาผิดนายหน้าและนายจ้างที่ละเลย

                   การจดทะเบียนแรงงานที่ถูกต้อง หรือที่กระท าการละเมิดสิทธิแรงงาน  การจับกุมผู้ตั้งตนเป็น
                   นายหน้าจัดหางานผิดกฎหมาย การท าเอกสารปลอมให้กับแรงงาน ทั้งคนไทยและคนต่างชาติ การยึด
                   ใบอนุญาตโรงงานที่ผิดกฎหมาย

                                 (๙) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติควรก าหนดเรื่องการค้ามนุษย์ให้เป็น
                   ประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ที่มีความส าคัญในระดับต้นๆ โดยควรด าเนินการตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐอย่าง
                   ต่อเนื่อง เพราะการค้ามนุษย์ถือเป็นประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง  การตรวจสอบไม่
                   จ าเป็นต้องรอให้มีหน่วยงานหรือบุคคลมาร้องเรียน  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติสามารถ
                   หยิบยกกรณีที่เห็นว่ามีการค้ามนุษย์หรือการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง มาท าการตรวจสอบ

                   อย่างเป็นอิสระโดยใช้ทั้งอนุสัญญาระหว่างประเทศขององค์การสหประชาชาติ และกฎหมาย
                   ภายในประเทศที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์เป็นกรอบในการตรวจสอบ   ควรเสริมสร้างองค์ความรู้แก่
                   บุคลากร/ทีมงานให้มีความรู้ ความเข้าใจอนุสัญญา กติการะหว่างประเทศ รวมทั้งกฎหมาย

                   ภายในประเทศทุกฉบับที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ให้กับเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง
                   รวมทั้งการให้ความรู้เกี่ยวกับนิยามความหมายของการค้ามนุษย์ กระบวนการท างานเพื่อการป้องกัน
                   แก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และการช่วยเหลือ เยียวยาเหยื่อการค้ามนุษย์ที่เป็นระบบ เพื่อให้เกิดความ
                   แม่นย าในการใช้กรอบทางกฎหมายมาท าการตรวจสอบทั้งเรื่องที่มีการร้องเรียน และเรื่องที่

                   คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติหยิบยกขึ้นมาเองอย่างแม่นย า ควรสร้างและพัฒนากลไกการ
                   ร้องเรียนเรื่องการค้ามนุษย์ในระดับพื้นที่กับภาคประชาสังคม หรือองค์กรพัฒนาเอกชน เพื่อให้ผู้ถูก
                   ละเมิดจากนายหน้าหรือขบวนการค้ามนุษย์ได้เข้าถึงสิทธิในการร้องเรียนได้มากขึ้น ควรจัดท า
                   ฐานข้อมูลเรื่องการค้ามนุษย์อย่างเป็นระบบ สามารถน ามาใช้ประกอบการตรวจสอบการค้ามนุษย์

                   อย่าง มีประสิทธิภาพและทันสมัย และไม่ควรเข้าไปเป็นคณะกรรมการหรือคณะท างานใดๆ ของ
                   ภาครัฐในการด าเนินงานใดๆก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ เพราะจะท าให้เสียจุดยืนในการ
                   ตรวจสอบกลไกของรัฐที่มีอ านาจในการปกป้องและคุ้มครองเหยื่อของการค้ามนุษย์





                                                            ช
   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17