Page 134 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ปัญหาเยาวชนหญิงที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรกับมิติสิทธิมนุษยชน
P. 134
หรอก เป็นเรื่องปกติ ธรรมชาติ ผมไปเช็กดูว่า ๑๔ - ๑๕ ปี ชื่อแม่อายุแม่กับลูกบวกกัน
รองผู้อ�านวยการที่นี่มีอยู่คนหนึ่ง แม่เค้าตายไปแล้ว เค้าก็เขียนชาตะ มรณะ ผมก็ถาม
รองผู้อ�านวยการอายุเท่าไหร่ ๓๐ กว่า แม่อายุเท่าไหร่บวกลบแล้วแม่แก่กว่า ๑๔ ปี ตอนนี้
เค้าไปสอบผู้อ�านวยการได้แล้ว เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทั่วไป เพียงแต่เราฮือฮากัน
ไปเอง ทีนี้พอเราขยายการศึกษาตรงนี้ก็ต้องเกิดแน่นอนอยู่แล้ว ลองขยายการศึกษา
ภาคบังคับไป ม.๖ สิ เด็กท้องตึมเลย เพราะว่า โดยฮอร์โมน โดยธรรมชาติของเค้า ทีนี้ถ้าเรา
จะขยายเราต้องเตรียมเรื่องของหลักสูตร เรื่องครอบครัวศึกษา เรื่องการที่เราจะให้ข้อมูล
กับเค้าอย่างไร มีการป้องกันในการเรียนรู้ทักษะชีวิต ในการที่จะจัดการเรื่องความต้องการ
ทักษะการปฏิเสธ ไม่ใช่ตาเหลือกกับเรื่องนี้แล้วก็เอาออกจากโรงเรียนตัวเอง ซึ่งเป็นการ
จัดการที่ไม่ถูกต้อง ครอบครัวเวลาที่มีลูกมา มีหนังสือเรื่องการเลี้ยงลูกที่แพทย์หญิงเขียน
ใครเขียน เคยซื้อกันบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ เอานมมะลิชงให้กินก็ดีแล้ว เรื่องของการเตรียมตัว
ในการเป็นพ่อแม่ ครอบครัวศึกษา ต้องการสร้างความคุ้มกันเรื่องครอบครัวตั้งแต่พื้นฐาน
มาเลย จนกระทั่งมาถึงโรงเรียน โรงเรียนก็ต้องเลิกด่าลูกให้พ่อแม่ฟัง ต้องปรับการสื่อสาร
กับพ่อแม่และเด็ก”
เช่นเดียวกับความคิดเห็นของครูผู้ร่วมงานที่ท�างานสนับสนุนให้โรงเรียนกลายเป็นโรงเรียน
ทางเลือกส�าหรับเยาวชนหญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อมและเยาวชนที่ต้องออกออกจากโรงเรียนกลางคัน
ด้วยเหตุผลอื่นๆ ที่ยอมรับว่าตนเองไม่ได้คิดในเรื่องสิทธิมนุษยชนมาก่อน แต่ท�างานบนความมี
มนุษยธรรม โดยการมองว่าคนเรามีโอกาสผิดพลาดได้ แต่สิ่งที่สังคมควรมีให้แก่กันคือโอกาส เช่น
โอกาสทางการศึกษา เป็นต้น
“เหมือนกับว่าเป็นการให้โอกาสเค้าไป คนเราผิดพลาดอาจจะเป็นด้วยเรื่องวัย
เราก็รู้สึกว่าตอนที่เราเป็นวัยรุ่นคือเราก็อาจจะมีพ่อแม่คอยบังคับ คือก็มีการนอกกรอบบ้าง
แต่พ่อแม่คอยตบอยู่ตลอดเวลา แต่เด็กบางทีพ่อแม่อาจจะไม่ได้อยู่ด้วย หรืออาจจะอยู่
แต่ก็ควบคุมได้ไม่เต็มที่ อย่างไรก็แล้วแต่สุดท้ายก็ถือว่าคนเราท�าความผิดพลาดกันได้”
เห็นได้ชัดว่าแม้ปราศจากความรู้เรื่องสิทธิมนุษยชนและสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์ของเยาวชน
หญิงตั้งครรภ์ แต่อาจารย์และผู้บริหารในสถานศึกษาบางกลุ่มยังคงมีมนุษยธรรมซึ่งน�าไปสู่การ
คุ้มครองสิทธิมนุษยชนของเยาวชนหญิงตั้งครรภ์ได้ ซึ่งตรงกันข้ามกับผู้บริหารและอาจารย์บางกลุ่ม
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ // 133