Page 128 - รายงานผลการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดแนวเขตที่ดินของรัฐ
P. 128

๑๐๑



                   3.๕ ปัญหาในการก าหนดแนวเขตที่ดิน  แนวทางการแก้ไขปัญหาของประเทศไทย

                   ที่ผ่านมา และตัวอย่างการแก้ไขปัญหาในเขตอุทยานโดยใช้ระบบการบริหาร

                   จัดการตามศักยภาพของพื้นที่ในต่างประเทศ


                          3.๕.๑ ปัญหาในการก าหนดแนวเขตที่ดินของประเทศไทย


                                 จำกที่กล่ำวมำในกำรก ำหนดแนวเขตที่ดินของประเทศไทย ให้เป็นพื้นที่สงวนหวงห้ำม

                   ของรัฐที่ส ำคัญ ได้แก่ ที่สำธำรณสมบัติของแผ่นดินโดยมีหนังสือส ำคัญส ำหรับที่หลวง หรือกำรก ำหนด
                   พื้นที่อนุรักษ์ เช่น ก ำหนดพื้นที่ให้เป็นป่ำสงวนแห่งชำติ เขตรักษำพันธุ์สัตว์ป่ำ เขตห้ำมล่ำสัตว์ป่ำ หรือ

                   เขตอุทยำนแห่งชำติ มีกำรก ำหนดกระบวนงำน และขั้นตอนกำรปฏิบัติงำนออกมำอย่ำงรัดกุมครบถ้วน
                   แล้วก็ตำม หรือแม้แต่กำรก ำหนดเขตปฏิรูปที่ดินที่เป็นกำรให้สิทธิกับประชำชน ก็ล้วนแต่มีปัญหำกระทบ

                   กับสิทธิในที่ดินของประชำชนทั้งสิ้น ซึ่งสรุปประเด็นปัญหำได้ ๓ ประกำร ดังนี้

                                 (๑) แนวเขตที่ก ำหนดมีกำรทับซ้อนกันระหว่ำงพื้นที่ของหน่วยงำนต่ำงๆ : โดยจะเห็นได้
                   จำกกำรก ำหนดพื้นที่เขตอุทยำนแห่งชำติบำงพื้นที่ทับซ้อนกับเขตป่ำสงวนแห่งชำติ และเขตปฏิรูปที่ดิน

                   ที่ได้มอบพื้นที่ให้ส ำนักงำนกำรปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมน ำไปด ำเนินกำรปฏิรูปที่ดินแล้ว อย่ำงเช่น
                   ในเขตพื้นที่จังหวัดนครรำชสีมำ จังหวัดล ำปำง จังหวัดรำชบุรี และจังหวัดสุรำษฎร์ธำนี เป็นต้น


                                 (๒) แนวเขตที่ก ำหนดมีควำมผิดพลำด ไม่เป็นไปตำมข้อเท็จจริง :  ซึ่งในสภำพปัญหำนี้
                   สำมำรถจ ำแนกได้เป็น ๓ ปัญหำ คือ


                                         ๒.๑) กำรไม่ยอมรับ พบว่ำ ในกำรก ำหนดแนวเขตพื้นที่สงวนหวงห้ำมของรัฐ
                   ที่ด ำเนินกำรมำนั้น ประชำชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่กระทบกับสิทธิในที่ดินของเขำไม่ยอมรับกฎหมำย
                   ที่ประกำศออกมำ เพรำะส่วนหนึ่งได้ถือครองท ำประโยชน์ในที่ดินภำยในแนวเขตพื้นที่ที่ประกำศนั้นมำ

                   อย่ำงยำวนำน มีข้อโต้แย้ง เรียกร้องให้รัฐต้องแก้ไขปัญหำอย่ำงต่อเนื่อง

                                         ๒.๒) ไม่เป็นไปตำมข้อเท็จจริง เช่น กำรก ำหนดอุทยำนแห่งชำติ จะต้องไม่มี

                   ผู้มีสิทธิในที่ดินที่ถือครองที่ดินตำมประมวลกฎหมำยที่ดินที่ชอบด้วยกฎหมำย ทั้งที่กระบวนงำนและ
                   ขั้นตอนก ำหนดให้มีกำรตรวจสอบอย่ำงครบถ้วน แต่ก็ยังมีกำรประกำศพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่อันมีสิทธิ

                   โดยชอบธรรมของประชำชน ในบำงพื้นที่สังคมและวัฒนธรรมของประชำชนที่อยู่ร่วมกับพื้นที่ป่ำ หรือได้มี
                   กำรตั้งชุมชนในพื้นที่เหล่ำนั้นมำอย่ำงยำวนำน กำรก ำหนดและประกำศแนวเขตพื้นที่สงวนหวงห้ำมของรัฐ

                   ก็ยังไปทับซ้อนพื้นที่ของเขำ รวมไปถึง แนวเขตที่ก ำหนดเป็นกำรก ำหนดอย่ำงกว้ำงๆ ผู้อ่ำนประกำศ
                   ที่ก ำหนดพื้นที่ไม่ทรำบถึงข้อเท็จจริงว่ำครอบคลุมถึงพื้นที่ใด ถึงแม้รู้ก็ไม่มีแนวทำงที่จะแก้ไขด้วยตัวเองได้

                   จึงต้องให้องค์กรหรือหน่วยงำนอื่นช่วยเหลือ

                                         ๒.๓) แนวเขตที่ก ำหนดล้ำสมัย กำรก ำหนดแนวเขตที่สงวนหวงห้ำมของรัฐ

                   ที่ผ่ำนมำส่วนใหญ่จะใช้ภำพแผนที่เส้นชั้นควำมสูง (Contour  Line)  หรือเส้นที่แสดงลักษณะควำมสูงต่ ำ
                   ของพื้นที่มำเป็นตัวก ำหนด ซึ่งไม่เป็นไปตำมข้อเท็จจริงในพื้นที่จริงที่มีกำรเปลี่ยนแปลงไปตำมกำลเวลำ
   123   124   125   126   127   128   129   130   131   132   133