Page 31 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง การเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผู้ติดเชื้อเอชไอวี
P. 31
4 รายงานการศึกษาวิจัย
การเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผูติดเชื้อเอชไอวี
1
มีความทาทายตอวงการเอดสโลกเทา ๆ กับหรือมากกวาตัวโรคเอดสเสียดวยซํ้าไป และแมวาจะมีความพยายาม
ระดับนานาชาติในการตอสูกับโรคเอดสและเชื้อเอชไอวี แตปญหาการตีตราและการเลือกปฏิบัติก็ยังคงมีอยู
ในกลุมผูที่ขาดความเขาใจในเรื่องการแพรระบาดของโรค
การตีตราในกลุมผูติดเชื้อเอชไอวีมีหลายแบบ เชน การปฏิเสธ การโดดเดี่ยว การกลาวโทษและทําให
อับอาย เมื่อผูติดเชื้อกลัวการถูกเลือกปฏิบัติก็มักจะทําใหพวกเขาไมกลาที่จะรักษาตัวเอง หรือแมแตจะเปดเผยวา
2
ตนเองเปนผูติดเชื้อ ดังนั้น นอกจากการเลือกปฏิบัติจะเปนปญหาในตัวเองแลว ยังมีผลทําใหการปองกันและการ
จัดการการแพรระบาดของโรคยุงยากมากขึ้นยิ่งไปกวานั้น การตีตรากลุมผูติดเชื้อยังขยายไปถึงคนรุนตอไปดวย
ทําใหพวกเขาตองรับภาระทางจิตใจมากขึ้น โดยเฉพาะกับเด็กที่ตองสูญเสียสมาชิกในครอบครัว และยังตอง
เสียโอกาสอื่น ๆ ทั้งในดานการศึกษา และความสัมพันธในสังคม
การยุติปญหาการตีตราและการเลือกปฏิบัติตอผูติดเชื้อเอชไอวี จึงเปนเรื่องสําคัญเทา ๆ กับการพัฒนา
วัคซีน โดยการใหความรูมีความสําคัญอยางยิ่งในการขจัดปญหาดังกลาว ยุทธศาสตรในการแสดงใหเห็นถึงปญหา
การตีตราเปนเรื่องสําคัญสําหรับการปองกันโรคและโปรแกรมการใหความรูจะตองขยายไปในชุมชนเพื่อใหมี
ประสิทธิภาพ 3
แนวคิดเรื่องการตีตราและการเลือกปฏิบัติมีความเชื่อมโยงตอกัน โดยเฉพาะการตีตราผูติดเชื้อ
เอชไอวี เมื่อพวกเขาถูกตีตราจากสังคมหนึ่ง ๆ ก็ทําใหถูกเลือกปฏิบัติหรือถูกกีดกันจากสังคมและอาจถูกละเมิด
สิทธิมนุษยชนดวย โดยในหลายประเทศ มีการรายงานถึงกรณีที่ผูติดเชื้อถูกปฏิเสธสิทธิในการรักษาพยาบาล
การทํางาน การศึกษา รวมถึงเสรีภาพในการเคลื่อนไหวดวย 4
การตีตรา หมายถึง “ภาวะที่บุคคลหรือกลุมชนในสังคมหนึ่งกําหนดวาอะไรคือความแตกตางของ
บุคคล ลักษณะของบุคคลที่พึงประสงคหรือไมพึงประสงคควรเปนอยางไร ลักษณะใดที่มีความแตกตางไปจากที่คน
สวนใหญประสงคจะถือวามีความเบี่ยงเบนสงผลใหบุคคลสูญเสียชื่อเสียง ไมนาไววางใจหรือเกิดความอับอาย
ตลอดจนทําใหบุคคลนั้นรูสึกวาคุณคาตัวตนลดลงในสายตาของสังคม บุคคลที่ไดรับตราบาปหรือถูกตีตราบาปจะ
เกิดความรูสึกวา “ตนมีความแตกตางจากผูอื่นอยางที่ไมพึงประสงค” (Undesirable difference) ทั้งนี้คุณลักษณะ
ที่จะถูกตีตราบาปดังกลาวขึ้นอยูกับบริบททางสังคมและวัฒนธรรมที่คนจํานวนมากในสังคมนั้น ๆ มีอํานาจเปน
ผูกําหนดขึ้น ซึ่งความหมายของตราบาปเนนไปที่มุมมองของสังคมที่อางอิงจากบรรทัดฐานทางสังคมหลอหลอม
รวมกันเปนความรูสึกที่แยกแยะ “ความตาง” (difference) หรือ “ความเบี่ยงเบน” (deviance) สงผลใหบุคคล
เกิดการตอตานจากสังคม โดยผูที่ถูกตีตราบาปจะถูกมองจากคนในสังคมวาเปนผูที่มี “ลักษณะเดนที่ทําใหเกิด
การเสื่อมเสีย” (Spoiled Identity) 5
nd
1 Mann, J..Statement at an Informal Briefing on AIDS to the 42 Session of the United Nations General Assembly, 20 October 1987,
New York cited in Richard Parker et.al. HIV/AIDS-related Stigma and Discrimination: A Conceptual Framework and an Agenda for Action.
Horizons Program, 2002 [online] available at http://hivaidsclearinghouse.unesco.org/search/resources/horizons.pdf
2 R.Smart. HIV/AIDS-related Stigma and Discrimination. Module 1.4 [online] available at http://www.iiep.unesco.org/fileadmin/
user_upload/Cap_Dev_Training/pdf/1_4.pdf
3 R.Smart. Ibid.
4 UNAIDS.HIV/AIDS-related Stigma, Discrimination and Human Right Violation : Cases Studies of Successful Programme, 2005 [online]
available at http://data.unaids.org/publications/irc-pub06/jc999-humrightsviol_en.pdf
5 Erving Goffman. Stigma : Note on the Management of Spoiled Identity. Harmondsworth : Penguins Book, 1963 อางถึงใน นิฮาฟซา
หะยีวาเงาะ, ทัศนคติเกี่ยวกับโรคเอดสและการตีตราทางสังคม : กรณีศึกษาชุมชนมุสลิมในจังหวัดปตตานี, วิทยานิพนธปริญญามหาบัณฑิต สาขาพัฒนามนุษย
และสังคม (สหสาขาวิชา) บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ มหาวิทยาลัย, 2555, หนา 18-19.