Page 28 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง การเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผู้ติดเชื้อเอชไอวี
P. 28

รายงานการศึกษาวิจัย  1
                                                             การเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผูติดเชื้อเอชไอวี



                                                        บทที่ 1



                                                          บทนํา



               1.1  หลักการและเหตุผล

                      เมื่อป 2527 ประเทศไทยไดตรวจพบผูปวยเอดสรายแรก หลังจากนั้นจํานวนผูปวยเอดสและผูติดเชื้อ

               เอชไอวี ก็ปรากฏตอสังคมเพิ่มมากยิ่งขึ้นจนถึงปจจุบัน จากขอมูลสํานักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวง
               สาธารณสุข ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 รายงานวาประเทศไทยมีจํานวนผูปวยเอดสและผูติดเชื้อเอชไอวี

               ตั้งแต พ.ศ.2527 ถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 เปนจํานวน ทั้งสิ้น 376,690 ราย และเสียชีวิต 98,721 ราย
               โดยกลุมอายุของผูปวยและผูติดเชื้อที่พบมากที่สุดเปนกลุมคนวัยทํางานที่มีอายุ 30 - 34 ป รอยละ 24.97 รองลงมา

               อายุ 25 - 29 ป และ 35 - 39 ป รอยละ 21.73 และ 18.19 ตามลําดับ โดยสวนใหญประกอบอาชีพรับจางทั่วไป
               รอยละ 45.48 รองลงมาเปนเกษตรกรรมและผูวางงาน รอยละ 19.49 และ 6.06 ตามลําดับ ซึ่งจากสถิติดังกลาว

               พบวา ผูติดเชื้อเอชไอวีสวนใหญมีอายุระหวาง 20 - 44 ป และเปนวัยแรงงานที่สําคัญของประเทศ
                      สถานการณการแพรระบาดของเชื้อเอชไอวีในระยะแรก สังคมมีความตระหนก หวาดกลัว เนื่องจากคน

               ในสังคมยังขาดความรู ความเขาใจ และขอเท็จจริงเกี่ยวกับโรคที่เกิดจากเชื้อเอชไอวี ดังนั้น ภาครัฐ ภาคเอกชน และ
               ภาคประชาสังคม จึงมีความพยายามรณรงคเพื่อประชาสัมพันธเผยแพรใหประชาชนทั่วไปมีความรูความเขาใจ

               เกี่ยวกับเอดสอยางแพรหลาย โดยเนนกลุมที่มีพฤติกรรมเสี่ยงสูง เชน ผูซื้อบริการทางเพศ กลุมชายรักชาย
               และกลุมผูติดยาเสพติดซึ่งใชเข็มฉีดยารวมกัน นอกจากนี้ ประชาชนทั่วไปยังมีทัศนคติในเชิงลบตอผูติดเชื้อเอชไอวี

               โดยมองวาผูติดเชื้อเอชไอวีเปนผูมีพฤติกรรมทางเพศไมเหมาะสม หรือเปนผูติดยาเสพติด จนทําใหภาพลักษณของ
               ผูติดเชื้อคือ คนเลว คนไมดี และเปนที่นารังเกียจของสังคม ทําใหการใชชีวิตประจําวันของผูติดเชื้อเอชไอวีเปนไป

               อยางยากลําบาก ทั้งในเรื่องสุขภาพกาย สุขภาพจิต สภาวะความเปนอยู หนาที่การงาน สถานภาพทางสังคม
               ถูกรังเกียจ เหยียดหยาม ถูกแบงแยกออกจากคนในสังคม เพราะหากทราบวาผูใดติดเชื้อเอชไอวีก็มักจะ

               แสดงทาทีรังเกียจ ไมยอมรับ หรือถูกบีบบังคับออกจากงาน มีผลทําใหผูติดเชื้อไมกลาเปดเผยตนเองตอสังคม
               ไมกลาไปพบแพทยเพื่อรักษาตัว และไมกลาขอคําปรึกษาแนะนําจากผูเชี่ยวชาญ เพราะเกรงวาจะถูกครอบครัว

               เพื่อนบาน เพื่อนรวมงาน นายจาง และผูเกี่ยวของรังเกียจ รวมทั้งอาจมีผลกระทบตอผูใกลชิด เชน คูสมรสและบุตร
               เปนตน ทําใหกลุมบุคคลดังกลาวถูกเลือกปฏิบัติในดานตาง ๆ ดังนี้

                      (1) ดานสวัสดิการและการใหบริการทางสังคม เชน การเขาถึงบริการสาธารณสุข การเขาถึงยาตานไวรัส
                           เปนตน

                      (2) ดานการศึกษา เชน โรงเรียนปฏิเสธไมรับเด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีเขาเรียนในโรงเรียน ถูกชุมชนคัดคาน
                           ไมใหเขาเรียน ถูกบังคับใหออกและหยุดเรียนเมื่อติดเชื้อเอชไอวี ถูกแยกหองเรียน/ถูกเลือกปฏิบัติ

                           เปนตน
                      (3) ดานการทํางาน เชน หนวยงานหรือบริษัทบังคับตรวจเอดสกอนรับเขาทํางาน/ขณะทํางาน ถูกปฏิเสธ

                           ไมรับเขาทํางานถูกเลิกจางหรือบีบบังคับใหออกจากงานเมื่อติดเชื้อเอชไอวี เปนตน
                      (4) ดานสังคม เชน ใหแสดงผลการตรวจเอดสกอนบวชพระ ไมรับประกันชีวิตผูติดเชื้อเอชไอวีถูกกีดกัน

                           ไมใหเปนสมาชิกฌาปนกิจ ไมมีสิทธิกูยืมเงินกองทุนหมูบาน เปนตน
   23   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33