Page 218 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 218
216 ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เล่ม ๑ ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗
ค้ามนุษย์เป็นการช่วยเหลือที่ไม่ใช่ตัวเงิน เช่น การประกอบอาชีพ การส่งกลับบ้าน เป็นต้น ส่วนตาม
พระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำาเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔
เป็นการช่วยเหลือที่เป็นตัวเงินซึ่งเป็นการเยียวยาความเสียหายในเบื้องต้น นอกจากนี้ การจ่าย
ค่าตอบแทนตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำาเลยใน
คดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ นั้น เป็นการเบิกจ่ายจากงบประมาณ คิดเป็นจำานวน ๒๐๐ – ๒๕๐ ล้านบาทต่อปี
โดยประมาณ
๓.๒.๓ การจ่ายค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำาเลยกรณีศาลพิพากษายกฟ้อง คณะกรรมการ
ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำาเลยในคดีอาญา
พ.ศ. ๒๕๔๔ จะพิจารณาโดยการอ่านคำาพิพากษาทั้งหมดทุกชั้นศาล หากศาลมีคำาพิพากษาว่า
พยานหลักฐานไม่มั่นคงเพียงพอจึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำาเลย คณะกรรมการฯ
จะพิจารณาในคำาพิพากษาว่ามีข้อเท็จจริงอื่นใดที่พอจะพิสูจน์ได้หรือไม่ว่าจำาเลยมิได้กระทำาความผิด
หากมีข้อเท็จจริงที่พอจะพิสูจน์ได้ว่าจำาเลยมิได้กระทำาความผิด การที่ศาลใช้ถ้อยคำาว่ายกประโยชน์
แห่งความสงสัยให้แก่จำาเลยจึงน่าจะเป็นการเขียนวลีตอนท้ายเท่านั้น คณะกรรมการฯ ก็จะสั่ง
ให้จ่ายโดยจะพิจารณาเป็นรายกรณีไปว่ามีพฤติการณ์ในคดีเป็นอย่างไร กรณีของจำาเลย
ในคดีอาญานี้ คณะกรรมการฯ ให้ความสำาคัญมาก โดยมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาที่กำาหนดไว้
กว้างๆ ๒ ประการ คือ กรณีแรก ถ้าศาลเขียนว่าจำาเลยไม่ได้กระทำาความผิด หลักคือ ให้จ่าย แต่มี
ข้อยกเว้นว่าจะไม่จ่ายก็ได้ เนื่องจากในมาตรา ๒๑ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย
และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำาเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ ให้อำานาจคณะกรรมการฯ ในการ
พิจารณาพฤติการณ์ของคดีนั้น และกรณีที่สอง กรณีศาลยกฟ้องโดยยกประโยชน์แห่งความสงสัย
หลักคือ ไม่จ่าย ยกเว้นว่าหากพิจารณาเนื้อหาตามคำาพิพากษาแล้วเห็นว่า จำาเลยมิได้เป็นผู้กระทำา
ความผิดก็จ่ายได้
๓.๒.๔ หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจ่ายค่าตอบแทนแก่ผู้เสียหายเมื่อเกิดคดีอุกฉกรรจ์
ซึ่งประชาชนให้ความสนใจขึ้น กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจะรีบนำาเงินเยียวยาไปมอบให้ทันที
แต่คดีต้องมีความชัดเจนว่า ผู้เสียหายไม่มีส่วนร่วมในการกระทำาความผิด ทั้งนี้ การมอบเงินเยียวยา
ในลักษณะดังกล่าวเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการประชาสัมพันธ์
๓.๒.๕ พระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย ค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำาเลยใน
คดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ บังคับใช้ทั่วประเทศ แต่ในกรณีสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีกฎหมายเฉพาะ
ของศูนย์อำานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่จ่ายเงินเยียวยาให้ ๕ แสนบาท มากกว่า
ค่าตอบแทนที่จะได้รับจากพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่าย
แก่จำาเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ ที่จ่ายได้เพียง ๑ แสนบาท กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจึง
ไม่สามารถเยียวยาให้ได้ แต่หากผู้เสียหายยังไม่ได้รับการเยียวยา และสำานวนการสอบสวนปรากฏว่า
ผู้เสียหายไม่มีส่วนร่วมในการกระทำาความผิด ผู้เสียหายจะได้รับการเยียวยาตามพระราชบัญญัติ