Page 151 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 151
149
ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เล่ม ๑ ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗
ตลอดจนจัดให้มีหน่วยงานอิสระรับผิดชอบตรวจสอบ ติดตาม ประเมินผลการบังคับใช้ร่างกฎหมาย
ที่แก้ไข ในส่วนเกี่ยวกับการต่อต้านการทรมานด้วยฯ
๓.๒.๒ คณะรัฐมนตรี โดยกระทรวงกลาโหม สำานักนายกรัฐมนตรี (สำานักงานสภา
ความมั่นคงแห่งชาติ) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สมควรงดใช้บทบัญญัติในกฎหมายพิเศษด้านความ
มั่นคง ในส่วนเกี่ยวกับการสอบสวน คุมขังที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิของพยาน ผู้ต้องสงสัย ผู้ต้องหา
๓.๒.๓ คณะรัฐมนตรี โดยกระทรวงยุติธรรม (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ) สมควร
เสนอกฎหมายเฉพาะที่สอดคล้องตามพิธีสารเลือกรับแห่งอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ โดยให้มี
หน่วยงานที่ทำาหน้าที่เป็นกลไกการป้องกันระดับชาติตามพิธีสารฉบับนี้ และกำาหนดขอบเขตอำานาจ
หน้าที่ในการตรวจเยี่ยมสถานที่ที่ทำาให้บุคคลเสื่อมเสียอิสรภาพอย่างเป็นอิสระ การเข้าถึงข้อมูล
ข่าวสารที่เกี่ยวข้อง การเข้าถึงสถานคุมขัง การสัมภาษณ์ผู้ถูกทำาให้เสื่อมเสียอิสรภาพ และการดำาเนิน
การร่วมกับคณะอนุกรรมการว่าด้วยการป้องกันการทรมานของสหประชาชาติ (UN Subcommittee
on Prevention of Torture) เป็นต้น
๓.๒.๔ คณะรัฐมนตรี โดยกระทรวงยุติธรรม (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ) สมควร
เร่งรัดการตรากฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลจากการสูญหายโดยถูกบังคับขึ้นเป็นกฎหมายเฉพาะ
โดยมีเนื้อหาสอดคล้องตามอนุสัญญาดังกล่าว ทั้งการนิยามคำาว่า “การถูกบังคับให้สูญหาย” ตลอดจน
รับรองสิทธิของบุคคลที่สูญหายโดยถูกบังคับและบุคคลที่ได้รับความทรมานจากภัยอันเป็นผล
โดยตรงของการสูญหายโดยถูกบังคับ ซึ่งหมายรวมถึงครอบครัวและญาติของบุคคลดังกล่าวที่จะ
รู้ความจริงเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของการสูญหายโดยถูกบังคับ ความก้าวหน้า และผลของการ
สืบสวน และชะตากรรมของบุคคลที่สูญหายโดยถูกบังคับ และกำาหนดให้มีกลไกรองรับการปฏิบัติ
ตามอนุสัญญา โดยที่อนุสัญญาระหว่างประเทศฉบับนี้มีความเชื่อมโยงกับอนุสัญญาต่อต้านการ
ทรมานฯ จึงสมควรจัดตั้งหรือมอบหมายหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งอนุวัติ
ตามอนุสัญญาสองฉบับนี้
๓.๒.๕ คณะรัฐมนตรี โดยกระทรวงยุติธรรม (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรม
สอบสวนคดีพิเศษ) สำานักงานตำารวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง สมควรแก้ไข
เพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองพยาน พ.ศ. ๒๕๔๖ มาตรา ๓ ๑๑๙ และมาตรา ๘ ๑๒๐ เพื่อประกันการ
๑๑๙ มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้
“พยาน” หมายความว่า พยานบุคคลซึ่งจะมาให้ หรือได้ให้ข้อเท็จจริง ต่อพนักงานผู้มีอำานาจสืบสวนคดีอาญา
พนักงานผู้มีอำานาจสอบสวนคดีอาญา พนักงานผู้มีอำานาจฟ้องคดีอาญา หรือศาลในการดำาเนินคดีอาญา
รวมทั้งผู้ชำานาญการพิเศษ แต่มิให้หมายความรวมถึงจำาเลยที่อ้างตนเองเป็นพยาน
๑๒๐ มาตรา ๘ พยานในคดีอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ อาจได้รับความคุ้มครองตามมาตรการพิเศษได้
(๑) คดีความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน