Page 149 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 149

147
                                                   ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                                                   ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๑  ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗




                           ๓.๑.๓  คณะรัฐมนตรี โดยกระทรวงยุติธรรม (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ)
                     สำานักงานตำารวจแห่งชาติ  กระทรวงกลาโหม กระทรวงศึกษาธิการ (สำานักงานคณะกรรมการ

                     การอุดมศึกษา)  และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง  รวมทั้งสำานักงานอัยการสูงสุด  สำานักงานศาล

                     ยุติธรรม และแพทยสภา  สมควรสอดแทรกเรื่องสิทธิมนุษยชน รวมถึงการป้องกันและคุ้มครองบุคคล
                     จากการถูกกระทำาทรมานไว้ในหลักสูตรการเรียนวิชานิติศาสตร์  การฝึกอบรมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ

                     ที่บังคับใช้กฎหมายด้านกระบวนการยุติธรรม รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ตำารวจ
                     แพทย์ อัยการ ตุลาการ ราชทัณฑ์ ทหาร ฯลฯ หลักสูตรดังกล่าว เช่น หลักสูตรฝึกอบรมวิทยากรและ

                     หลักสูตรเผยแพร่หลักการและการปฏิบัติตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ

                           ๓.๑.๔  คณะรัฐมนตรี โดยกระทรวงยุติธรรม (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรม
                     ราชทัณฑ์)  สำานักงานตำารวจแห่งชาติ  กระทรวงกลาโหม  กระทรวงสาธารณสุข  (กรม

                     สุขภาพจิต)  และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง  สมควรเผยแพร่ความรู้และสร้างความเข้าใจแก่
                     หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ในสังกัด เกี่ยวกับแนวคิดและการดำาเนินการตามพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญา

                     ต่อต้านการทรมานฯ  และกำาชับให้หน่วยงานในสังกัดเตรียมรองรับการตรวจเยี่ยมของกลไกการ
                     ป้องกันระดับชาติ และคณะอนุกรรมการว่าด้วยการป้องกันการทรมานของสหประชาชาติ


                           ๓.๑.๕  คณะรัฐมนตรี โดยกระทรวงยุติธรรม (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ)  สมควร
                     พิจารณาหน่วยงานที่จะทำาหน้าที่เป็นกลไกการป้องกันในระดับชาติแต่เนิ่น  และเตรียมดำาเนินการ

                     ที่จำาเป็นเพื่อให้หน่วยงานนั้นสามารถทำาหน้าที่เป็นกลไกการป้องกันระดับชาติ  รวมถึงการตรวจเยี่ยม
                     สถานคุมขังและสถานที่อื่นใดตามที่กำาหนดในพิธีสารฯ ได้อย่างอิสระและมีประสิทธิภาพ

                           ๓.๑.๖  คณะรัฐมนตรี ควรเร่งรัดการทบทวนและปรับปรุงกฎหมายภายในเพื่อให้ประเทศไทย

                     สามารถให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลถูกบังคับให้สูญหาย
                     ได้โดยเร็ว

                           ๓.๑.๗  คณะรัฐมนตรี โดยกระทรวงยุติธรรม (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ  กรม

                     ราชทัณฑ์)  กระทรวงมหาดไทย  สำานักงานตำารวจแห่งชาติ  กระทรวงการพัฒนาสังคมและ
                     ความมั่นคงของมนุษย์  และสำานักนายกรัฐมนตรี  (สำานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา)  รวมทั้ง

                     สำานักงานอัยการสูงสุด  สมควรทบทวนกฎหมาย กฎเกณฑ์ คำาสั่ง วิธีการและแนวปฏิบัติ ในความ

                     รับผิดชอบที่อาจขัดหรือแย้งกับการคุ้มครองมิให้บุคคลถูกบังคับให้สูญหายตามอนุสัญญาระหว่าง
                     ประเทศนี้  กฎหมายดังกล่าว เช่น ประมวลกฎหมายอาญา  พระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.
                     ๒๕๕๑  กฎกระทรวงและระเบียบกรมราชทัณฑ์เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง พระราชบัญญัติ

                     การรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม พ.ศ. ๒๕๒๒  และพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒

                           ๓.๑.๘  สำานักงานอัยการสูงสุด  สมควรเร่งรัดจัดเตรียมบุคลากรและงบประมาณ ทั้งใน

                     สำานักงานสอบสวนที่จัดตั้งเป็นสำานักงานขึ้นใหม่  รวมทั้งสำานักงานในภูมิภาคให้มีความตระหนักและ
   144   145   146   147   148   149   150   151   152   153   154