Page 115 - โครงการศึกษาวิจัย เรื่อง สิทธิชุมชนและผลกระทบโครงการพัฒนาภาคใต้
P. 115
๑๐๑
ด้านล่างอีกจํานวนมาก ชาวบ้านจึงมีข้อเสนอให้รัฐพัฒนาและส่งเสริมทางการเกษตร หรือส่งเสริมการ
ท่องเที่ยวเชิงนิเวศเชิงอนุรักษ์ ซึ่งน่าจะสอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่มากกว่าและชาวบ้านก็จะได้รับ
ผลประโยชน์เต็มที่
ที่ผ่านมาชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยและได้ร่วมกันเคลื่อนไหว เพราะว่าพื้นที่
ดังกล่าวนั้นไม่เหมาะสมกับการสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ํา เนื่องจากชั้นดินข้างล่างเป็นหินทราย ถ้าสร้าง
แล้วเขื่อนจะมีโอกาสพังได้ง่าย จนกระทั่งมีการระงับและชะลอโครงการก่อสร้างเขื่อนท่าทนไปแล้ว และ
ชาวบ้านก็คิดว่าโครงการนี้ล้มเลิกไปแล้ว แต่หลังจากนั้นก็มีหน่วยงานมาสํารวจเรื่องที่ดิน แล้วให้
ชาวบ้านลงชื่อรับทราบว่าเป็นเจ้าของที่ดิน ด้วยความไม่รู้ชาวบ้านจึงเซ็นชื่อไป และมาทราบในภายหลัง
ว่าเป็นการยินยอมเรื่องการสร้างอ่างเก็บน้ํา แต่หลังจากที่ชาวบ้านศึกษาเอกสารแล้วเห็นข้อมูลชัดเจนว่า
อ่างเก็บน้ํานี้สร้างขึ้นเพื่อรองรับนิคมอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่จะเกิดขึ้นที่อําเภอท่าศาลา และอําเภอสิชล
ในอนาคต ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่จากสํานักงานชลประทานจะชี้แจงว่า สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการเกษตรในพื้นที่
ตําบลฉลอง โดยจะมีระบบชลประทานเพิ่มเติม ๓,๐๐๐ ไร่ และเมื่อปีที่แล้วเจ้าหน้าที่จากสํานักงาน
ชลประทานเข้ามาบอกว่าเป็นการสร้างเพื่อใช้ในการเกษตรอย่างเดียว ชาวบ้านก็ไม่เชื่อและไม่เห็นด้วย
เพราะการทําเกษตรพื้นที่เทพราช ฝนจะทิ้งช่วงยาวนานที่สุดก็สองสามเดือน จึงไม่ขาดน้ําเลย และ
ชาวบ้านมีความเห็นว่ารัฐบาลน่าจะสร้างฝายน้ําล้นขนาดเล็ก ๆ เพื่อเก็บน้ําจะดีกว่า ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕
นายอําเภอคนใหม่ก็ยังพยายามที่จะรื้อฟื้นโครงการขึ้นมาใหม่อีก โดยเรียกแกนนําชาวบ้านไปคุย และมี
การพูดถึงเรื่องนี้ในที่ประชุม รวมทั้งมีการประสานกับสํานักงานชลประทานที่ ๕ เพื่อที่จะให้เข้ามา
ดําเนินการ ชาวบ้านกล่าวว่ากลไกของรัฐได้เข้ามาได้ละเมิดสิทธิของชุมชน เพราะเรื่องโครงการเขื่อนเป็น
เรื่องที่ไม่เคยให้ข้อมูลประชาชนเลยว่าจะเอาเขื่อนไปทําอะไร การเวนคืนที่ดิน ค่าชดเชย เป็นอย่างไร
พูดแต่เรื่องเดียวว่าจะสร้าง
(๓) โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ําลาไม
โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ําลาไมตั้งอยู่หมู่ที่ ๒ และหมู่ที่ ๘ ตําบลวังอ่าง
อําเภอชะอวด เป็นเขื่อนที่ไม่มีภูเขากั้น ต้องสร้างแนวสันเขื่อนยาว ๖ กิโลเมตร นับว่ายาวที่สุดใน
ประเทศไทย พื้นที่อ่างเป็นที่ราบ ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกยางพาราของชาวบ้านร้อยละ ๘๐ ส่วนที่เหลือเป็น
พื้นที่ปลูกไม้ผล ในขณะที่พื้นที่ตอนล่างของเขื่อนเป็นนาข้าว รวมพื้นที่อ่างเก็บน้ําทั้งหมด ๗,๘๕๐ ไร่
และมีพื้นที่ชุมชนที่ได้รับผลกระทบ ๕ หมู่บ้าน รวมประมาณ ๘๐๐ หลังคาเรือน ได้แก่ หมู่ ๒ บ้านลาไม
หมู่ ๘ บ้านควนเหนือ หมู่ ๖ บ้านควนมิตร ตําบลวังอ่าง รวมถึง หมู่.๑ และหมู่ ๖ ตําบลเขาพระทอง
อําเภอชะอวด โดยเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๘ กรมชลประทานได้เข้ามาในพื้นที่เพื่อเปิดเวทีแจ้งเรื่องการสร้าง
เขื่อน พร้อมทั้งการเวนคืน โดยไม่ให้ข้อมูลรายละเอียดของโครงการ แต่เน้นย้ําว่าโครงการดังกล่าวเป็น
โครงการพระราชดําริ เมื่อทราบข้อมูลจากสํานักงานชลประทานที่ ๕ ชาวบ้านจึงเริ่มติดตามข้อมูล