Page 107 - โครงการศึกษาวิจัย เรื่อง สิทธิชุมชนและผลกระทบโครงการพัฒนาภาคใต้
P. 107
๙๓
ถ่านหินมาโดยตลอด ตั้งแต่การติดตามและเรียนรู้ข้อมูลอย่างเป็นระบบ มีการเคลื่อนไหวและจัดกิจกรรม
แสดงพลังในรูปแบบต่าง ๆ จนกระทั่งนําไปสู่เวทีรวมพลคนไม่เอาถ่านหิน เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ได้มีการ
ร่วมลงนามสัญญาประชาชนระหว่างผู้นําท้องถิ่น ทั้งในระดับองค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหาร
ส่วนตําบล กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน ในอําเภอท่าศาลา เพื่อร่วมแสดงจุดยืนว่าจะไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน รวมถึง
เรียกร้องให้มีการย้ายศูนย์ประสานงานและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ในพื้นที่ท่าศาลาออกไป แรงต้านดังกล่าวทําให้การดําเนินการที่เกี่ยวข้องกับโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินใน
พื้นที่อําเภอท่าศาลายุติลง และเปลี่ยนเป้าหมายไปดําเนินการโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นที่อําเภอหัวไทรอีก ๑ โรง
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินหัวไทร กําหนดพื้นที่เหมาะสมในการก่อสร้าง
โครงการ ๒ พื้นที่ คือ พื้นที่หมู่ที่ ๖ ตําบลเกาะเพชร อําเภอหัวไทร จํานวน ๒,๓๐๐ ไร่ และพื้นที่
ระหว่างหมู่ที่ ๖ ตําบลหน้าสตน และหมู่ที่ ๗ ตําบลเขาพังไกร อําเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช
เนื้อที่ประมาณ ๒,๐๐๐ ไร่ และอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ
สิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) โดย บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จํากัด เพื่อที่จะ
นําไปจัดทํารายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ในขั้นต่อไป แต่ผลจากการจัด
เวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเมื่อกันยายน ๒๕๕๖ ชาวบ้านได้ร่วมกันคัดค้านจนกระทั่งเวที
ดังกล่าวไม่สามารถดําเนินการต่อไปได้ และได้มีการทําสัญญาลงนามร่วมกันระหว่างตัวแทนชาวบ้าน
ตัวแทนจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษา และผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๒ ตําบลหน้าสตน
ว่าจะยกเลิกโครงการ
๒) โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
สําหรับพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นหนึ่งในห้าพื้นที่ของประเทศที่มีความ
เหมาะสมและเป็นทางเลือกของโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งที่ผ่านมาถึงแม้ว่าจะมีความ
พยายามในการผลักดันการผลิตไฟฟ้าจากนิวเคลียร์มาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๐ แต่ก็ไม่เคยมีการบรรจุไว้ใน
แนวทางการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๕๐ รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานได้มีการ
รวบรัดจัดทําแผนพัฒนากําลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศหรือแผนพีดีพี ๒๐๐๗ เป็นครั้งแรก จึงได้มีการ
กําหนดแผนที่จะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ กําลังผลิตขนาด ๒,๐๐๐ เมกะวัตต์ จํานวน ๒ โรง รวม
๔,๐๐๐ เมกะวัตต์ แต่ต่อมาในแผนพีดีพี ๒๐๑๐ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๗๓ ได้มีการปรับเปลี่ยนเพิ่มกําลังการ
ผลิตของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็น ๕,๐๐๐ เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าจํานวน ๕ โรง ขนาดกําลังการผลิตโรงละ
๑,๐๐๐ เมกะวัตต์
ในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้มีการศึกษาสํารวจสถานที่
เหมาะสมต่อการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จํานวน ๑๔ พื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งพบว่าพื้นที่เหมาะสมต่อการ
สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อยู่ในภาคใต้ถึง ๑๒ พื้นที่ จนขณะนี้สํานักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงาน