Page 39 - คู่มือการทำความเข้าใจ เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
P. 39
คู่มือ การทำาความเข้าใจ เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง 37
(๕) การวินิจฉัยปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับอำานาหน้าที่ระหว่างรัฐสภาพ คณะรัฐมนตรี หรือ
องค์กรตามรัฐธรรมนุญที่มิใช่ศาลตั้งแต่สององค์กรขึ้นไป
(๖) การวินิจฉัยมติหรือข้อบังคับของพรรมการเมือง การพิจารณาอุทธรณ์ของสมาชิกสภา
ผู้แทนราษฎรและการวินิจฉัยกรณีบุคคลหรือพรรคการเมืองใช้สิทธิและเสรีภาพในทางการเมืองโดย
มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
(๗) การวินิจฉัยสมาชิกภาพหรือคุณสมบัติของสมาชิกรัฐสภา รัฐมนตรี และกรรมการ
การเลือกตั้ง
(๘) การวินิจฉัยหนังสือสนธิสัญญาใดต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนหรือไม่
(๙) อำานาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.๒๕๕๐
การปฏิบัติหน้าที่ของของศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๓ ของรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ศาล
รัฐธรรมนูญมีอำานาจเรียกเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากบุคคลใด หรือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคำา
ตลอดจนขอให้พนักงานสอบสวน หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วน
ท้องถิ่น ดำาเนินการใดเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาได้ ส่วนมาตรา ๒๑๖ ได้ให้บรรทัดฐานการวินิฉัย
คดีรัฐธรรมนูญ ดังต่อไปนี้
- องค์คณะของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในการนั่งพิจารณาและในการทำาคำาวินิจฉัย
ต้องประกอบด้วย ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่น้อยกว่าห้าคน คำาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ถือเสียง
ข้างมาก เว้นแต่จะมีบัญญัติเป็นอย่างอื่นในรัฐธรรมนูญนี้
- ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นองค์คณะทุกคนจะต้องทำาความเห็นในการวินิจฉัยในส่วน
ของตนพร้อมแถลงด้วยวาจาต่อที่ประชุมก่อนการลงมติ
- คำาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและความเห็นในการวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ทุกคน ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
- คำาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างน้อยต้องประกอบด้วยความเป็นมาหรือคำากล่าวหา
สรุปข้อเท็จจริงที่ได้มาจากการพิจารณา เหตุผลในการวินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
และบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างอิง
- คำาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล
และองค์กรอื่นของรัฐ
- วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่า
ด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ