Page 176 - คู่มือการทำความเข้าใจ เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
P. 176
174 คู่มือ การทำาความเข้าใจ เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
๑. การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงต้องเป็นไปตามเจตนารมณ์โดยเคร่งครัด
กล่าวคือ ต้องประกาศเพื่อแก้ไขปัญหาให้ยุติลงได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที และให้มีผลบังคับใช้
เป็นการชั่วคราว แม้นายกรัฐมนตรีมีอำานาจประกาศขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มี
ความร้ายแรงได้คราวละ ๓ เดือน โดยกฎหมายไม่ได้บัญญัติจำากัดระยะเวลาไว้ แต่การประกาศฯ ก็ต้อง
เป็นไปเท่าที่จำาเป็นเท่านั้น มิเช่นนั้น อาจมีการใช้กฎหมายฉุกเฉินอย่างเป็นการถาวร เนื่องจากกฎหมาย
ดังกล่าวมีบทบัญญัติหลายประการที่กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนมากกว่าปกติ
การประกาศขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
เป็นจำานวนต่อเนื่องกันถึง ๓๐ ครั้ง จึงต้องมีการทบทวนว่าประกาศดังกล่าวมีประสิทธิภาพและ
ประสิทธิผลหรือไม่ เพียงใด ยังคงมีความจำาเป็นต้องประกาศฯหรือไม่ โดยเฉพาะในบางพื้นที่ที่มีสถิติ
การก่อเหตุการณ์ความไม่สงบลดลง
ทั้งนี้ ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการทบทวน ประเมินความจำาเป็นและ
ตรวจสอบผลการดำาเนินการหรือความคืบหน้าตามที่ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความ
ร้ายแรงดังกล่าวด้วย
๒. การประกาศขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงต้องเป็น
ไปตามหลักพอสมควรแก่เหตุ กล่าวคือ เป็นมาตรการที่สามารถใช้แก้ไขปัญหาให้ยุติลงได้อย่างมี
ประสิทธิภาพและทันท่วงที แต่ในการดำาเนินมาตรการตามกฎหมายนี้ ปรากฏว่าใช้ในจับกุมและควบคุม
ตัวผู้ต้องสงสัยภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบแล้ว และทำาการควบคุมตัวบุคคลเพื่อซักถาม
นานถึง ๓๐ วัน และใช้บันทึกซักถามในการดำาเนินคดีความมั่นคงกับผู้ต้องสงสัย โดยปรากฏว่า มีคดีที่
ศาลชั้นต้นมีคำาพิพากษายกฟ้องเป็นจำานวนมาก เนื่องจากมีพยานหลักฐานเป็นเพียงผลการซักถามและ
คำาซัดทอดเท่านั้นซึ่งศาลไม่อาจนำามาเป็นหลักฐานในการพิจารณาได้ แสดงให้เห็นว่า มาตรการการ
ควบคุมตัวบุคคลตามพระราชกำาหนดฯ ไม่สามารถนำาตัวผู้กระทำาความผิดมาลงโทษและไม่สามารถ
ป้องกันไม่ให้มีการก่อความไม่สงบในพื้นที่ได้ กลับกันทำาให้มีผู้ถูกบริสุทธิ์ต้องถูกควบคุมตัวเป็นจำานวน
มาก อีกทั้งยังมีการละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้ถูกควบคุมตัวในระหว่างการดำาเนินการตามพระราชกำาหนดฯ
ด้วย เช่น การซ้อมทรมาน การบังคับให้บุคคลหายสาบสูญ เป็นต้น