Page 175 - คู่มือการทำความเข้าใจ เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
P. 175
คู่มือ การทำาความเข้าใจ เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง 173
และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ คณะกรรมการด้านสิทธิเด็กแห่งองค์การสหประชาชาติ ได้มี
ข้อแนะนำาถึงประเทศไทยเรื่องการบังคับใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
กับเด็กและเยาวชน ว่าไม่ควรใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงกับเด็กหรือเยาวชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การจับกุมและควบคุมตัว และเห็นว่าควรใช้กระบวนการยุติธรรมสำาหรับเด็กทุกสถานการณ์
อีกทั้งล่าสุดเมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ในรายงานข้อสังเกตเชิงสรุปของคณะกรรมการ
ว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบของการประชุมทบทวนรายงานของประเทศ
สมาชิกครั้งที่ ๘๑ ระหว่างวันที่ ๖ - ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่กรุงเจนีวา รายงานข้อสังเกตเชิงสรุปต่อ
ประเทศไทยระบุว่า “แม้ว่ารัฐภาคีจะนำามาตรการต่างๆ มาใช้ อย่างเช่น การเผยแพร่คู่มือสิทธิมนุษยชน
และการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในบางพื้นที่ คณะกรรมการยังกังวลอย่างยิ่งต่อการเลือกปฏิบัติ
อันเป็นผลมาจากการบังคับใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ รวมทั้งรายงานว่ามีการตรวจ
ลักษณะทางชาติพันธุ์และจับกุมบุคคลโดยอาศัยการคัดกรองจากลักษณะทางชาติพันธุ์ (racial
profiling) รวมทั้งรายงานว่ามีการซ้อมทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย ซึ่งเกิดขึ้นกับคนไทยเชื้อสาย
มลายู คณะกรรมการฯ กังวลต่อไปถึงความเสี่ยงของการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง อันเป็นผลมาจาก
การบังคับใช้กฎหมายเหล่านี้ รวมทั้งการขาดกลไกกำากับดูแลในการปฏิบัติ นอกจากการเยียวยาผู้ได้รับ
ผลกระทบจากความรุนแรงในการปราบปรามการก่อความไม่สงบแล้ว” คณะกรรมการฯ จึงได้เรียกร้อง
ให้รัฐ (ก) ประเมินความจำาเป็นของกฎหมายพิเศษและกำาหนดให้มีกลไกอิสระที่กำากับดูแลการบังคับ
ใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง (ข) ทบทวนกฎหมายพิเศษโดยมีเจตจำานงเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐาน
สิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกฎบัตรที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการซ้อมทรมาน และ
(ค) ให้สอบสวนข้อกล่าวหาว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเต็มที่ และให้นำาตัวผู้กระทำาความผิดมา
ลงโทษด้วย
แม้ว่าการเยียวยาจะเป็นการชดเชยความเสียหายอันเกิดขึ้นจากการบังคับใช้กฎหมายพิเศษ
นับแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ อาจเป็นแนวทางที่เพิ่มความเชื่อมั่นต่อความจริงจังของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา
ได้ระดับหนึ่ง และขอชื่นชมการลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาสเพื่อรับฟังความเห็นจากหน่วยปฏิบัติในพื้นที่
ของท่านนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๕ กันยายนที่ผ่านมา อันจะมีข้อมูลในการพิจารณาการประกาศขยาย
ระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในเดือนกันยายนนี้ต่อไปอีก ๓ เดือน ทั้งนี้ มูลนิธิ
ผสานวัฒนธรรม และมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม เห็นว่า รัฐบาลควรยกเลิกการประกาศสถานการณ์
ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในท้องที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งหมดหรือบางอำาเภอที่มีสถิติเหตุการณ์
ความไม่สงบลดลง ดังเหตุผลต่อไปนี้