Page 177 - คู่มือการทำความเข้าใจ เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
P. 177
คู่มือ การทำาความเข้าใจ เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง 175
นอกจากนี้ รัฐบาลได้มีการประกาศใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงในพื้นที่สามจังหวัด
ซ้ำาซ้อนกันหลายฉบับ กล่าวคือ การประกาศใช้พระราชกำาหนดนี้ในขณะที่บังคับใช้พระราชบัญญัติ
กฎอัยการศึก พ.ศ. ๒๔๕๗ มีการประกาศใช้พระราชกำาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ และมีการบังคับใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาซึ่งเป็นกฎหมายทั่วไป ทำาให้
มีบุคคลอาจถูกควบคุมตัวด้วยเหตุเดียวกันตามสามฉบับดังกล่าว รวมเป็นเวลานานถึง ๑๒๑ วัน ก่อน
ถูกฟ้องร้องดำาเนินคดี การควบคุมตัวดังกล่าวเป็นระยะเวลายาวนานเกินความจำาเป็น และกระทบต่อ
สิทธิและเสรีภาพต่อร่างกายของบุคคลเกินสมควร ซึ่งหากเปรียบกับการดำาเนินคดีอาญาตามประมวล
กฎหมายอาญาตามปกติ ซึ่งให้อำานาจเจ้าหน้าที่ดำาเนินการนำาตัวผู้กระทำาความผิดมาลงโทษได้อยู่แล้ว
และมีหลักประกันที่ไม่ให้กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลผู้บริสุทธิ์มากกว่า ในการจับกุมและ
ควบคุมตัวบุคคลได้โดยต้องมีการนำาพยานหลักฐานที่น่าเชื่อว่าบุคคลนั้นได้กระทำาความผิดจริงมาขอออก
หมายจับหมายค้นจากศาล เพื่อให้ศาลได้ตรวจสอบและมีดุลพินิจในการทำาคำาสั่ง ซึ่งอยู่บนพื้นที่ฐาน
ของข้อเท็จจริง นอกจากจะเป็นการดำาเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่จะนำาตัวผู้กระทำา
ความผิดที่แท้จริงมาดำาเนินคดีแล้ว ยังเป็นการประกันว่าผู้บุคคลบริสุทธิ์จะถูกจับกุมและควบคุมตัวโดยไม่
ได้กระทำาความผิดไม่ได้
ดังนั้น การใช้มาตรการการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงที่ผ่านมานั้นส่งผล
กระทบหรือส่งผลร้ายกับประชาชนหรือประชาชนต้องสูญเสียประโยชน์มากกว่าประโยชน์ที่สาธารณะ
จะได้รับ
๓. บทบัญญัติของพระราชกำาหนดฯ ในการให้อำานาจนายกรัฐมนตรีประกาศสถานการณ์
ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เป็นการยกเว้นหลักการอันเป็นพื้นฐานสำาคัญของประเทศที่ปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยและหลักนิติรัฐ คือ หลักการแบ่งแยกอำานาจและหลักประกันในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ
ของประชาชน หลักการแบ่งแยกอำานาจ เป็นพื้นฐานที่สำาคัญของหลักนิติรัฐ ระบอบการปกครองใน
ระบอบประชาธิปไตยย่อมต้องมีการแบ่งแยกอำานาจระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ ฝายบริหาร และฝ่ายตุลาการ
เพื่อให้มีการตรวจสอบถ่วงดุลซึ่งกันและกัน (Check and Balance) เพื่อให้สิทธิและเสรีภาพของ
ประชาชนได้รับการคุ้มครอง โดยต้องไม่มีอำานาจใดอำานาจหนึ่งเหนืออำานาจอื่นอย่างเด็ดขาด และเพื่อ
ป้องกันการใช้อำานาจตามอำาเภอใจ การที่พระราชกำาหนดฯ ให้นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นฝ่ายบริหารมีอำานาจ