Page 53 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 53
เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ในปัจจุบันแนวความคิดในการต่อต้านการลงโทษประหารชีวิตและสนับสนุน
ให้มีการยกเลิกโทษประหารชีวิตมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเหตุผลของประสิทธิภาพในการลงโทษ
ประหารชีวิตว่า นอกจากจะเป็นการแก้แค้นทดแทนผู้กระทำาความผิดแล้ว การลงโทษประหารชีวิต
จะสามารถข่มขู่ยับยั้งมิให้มีการกระทำาความผิดได้อีกจริงหรือไม่ นอกจากนี้ การลงโทษประหารชีวิต
ยังเป็นการตัดผู้กระทำาความผิดออกจากสังคมอย่างถาวร ซึ่งส่งผลให้ผู้กระทำาความผิดไม่มีโอกาส
ปรับปรุงแก้ไขตนเองได้ จึงขัดกับหลักการลงโทษที่ต้องการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำาความผิดเพื่อให้
กลับเข้าสู่สังคมได้ในปัจจุบัน อีกทั้งการประหารชีวิตนั้นอาจมีการผิดพลาดในกระบวนการตัดสินคดี
ซึ่งเมื่อมีการประหารชีวิตแล้วไม่อาจแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นได้ จากแนวความคิดในแง่ประสิทธิภาพ
ของการประหารชีวิตดังกล่าว รวมทั้งแนวทางการปฏิบัติต่อการประหารชีวิตของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
ซึ่งได้มีการยกเลิกโทษประหารชีวิต จึงเกิดการสนับสนุนให้ยกเลิกการลงโทษประหารชีวิต อันส่งผล
ให้ประเทศไทยได้รับแนวความคิดนี้มาโดยประยุกต์ใช้ให้เข้ากับสังคมไทยมากขึ้นในปัจจุบัน (ณัฐพร
นครอินทร์, ๒๕๕๓)
สำาหรับการประหารชีวิตของประเทศไทยในยุคปัจจุบันมีการประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า
และมีการเปลี่ยนแปลงเป็นการประหารชีวิตด้วยการฉีดสารพิษ ดังนี้
ก�รประห�รชีวิตด้วยก�รยิงเป้�
ต่อมา ปี พ.ศ. ๒๔๗๗ ได้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ.๑๒๗ ว่าด้วย
การประหารชีวิต จากการ “ให้เอาไปตัดศีรษะเสีย” เป็น “ให้เอาไปยิงเสียให้ตาย” ปืนกลมือ
ที่ใช้ประหารชีวิตครั้งแรกเป็นปืนกลมือแบบแบล็คมันต์ ใช้ประหารชีวิตครั้งแรก เมื่อวันที่ ๑๒
กันยายน ๒๔๗๘ ต่อมา ประมาณ พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้มีการเปลี่ยนปืนกลมือจากแบล็คมันต์
เป็นปืนกลแบบเอชเค สำาหรับปืนกลมือแบล็คมันต์นี้ใช้ประหารชีวิตผู้ต้องขังมาแล้วจำานวน
๒๑๓ คน (โทษประหารชีวิตในประเทศไทย, ๒๕๔๘)
สำาหรับการลงโทษประหารชีวิตผู้กระทำาผิดที่ได้เปลี่ยนจากการประหารชีวิตด้วยดาบ
มาเป็นการประหารชีวิตด้วยปืน ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๗๗ เป็นต้นมา เรียกว่า การยิงเป้า ซึ่งเมื่อมี
คำาพิพากษาถึงที่สุดให้ประหารชีวิตผู้ใดแล้ว ศาลที่เป็นเจ้าของคดีจะได้ออกหมายจำาคุกเมื่อคดีถึงที่สุด
ส่งไปยังผู้บัญชาการเรือนจำาในท้องที่ที่ศาลนั้นตั้งอยู่ หมายจะระบุถึงชื่อโจทก์ จำาเลย ฐานความผิด
จำาเลยต้องโทษตามบทกฎหมายใด มาตราใด พร้อมคำาสั่งว่าภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งพระราช
บัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ให้ประหารชีวิตจำาเลย (โทษประหารชีวิตในประเทศไทย, ๒๕๔๘)
เมื่อผู้บัญชาการเรือนจำาได้รับหมายดังกล่าวแล้ว จะนำานักโทษไปประหารชีวิตในทันที
ไม่ได้ต้องรอให้ครบกำาหนด ๖๐ วัน นับแต่วันฟังคำาพิพากษาตามมาตรา ๒๖๒ ถ้านักโทษหรือ
ผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องได้ยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ และทรงยกเรื่องราวมาก่อนครบ ๖๐ วัน
ก็ดำาเนินการประหารชีวิตได้ในทางปฏิบัติ เมื่อนักโทษได้ยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว ต้องรอฟัง
40 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ