Page 57 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 57

และนำาตัวผู้ใดออกมา  เมื่อนั้นจึงจะรู้ตัว  และเมื่อผ่านพิธีการด้านการตรวจสอบบุคคล  พิธีกรรม
                  ทางศาสนาและอื่น ๆ แล้ว จะถูกนำาตัวเข้าสู่แดนประหาร ซึ่งในช่วงนี้แทนที่จะเป็นการนำาไปผูกกับ

                  หลักประหาร ก็เปลี่ยนเป็นการนำาไปสู่เตียงประหารนั่นเอง ทั้งนี้ การเปลี่ยนจากการประหารชีวิต

                  โดยการยิงเป้ามาเป็นการฉีดยานั้น  ทำาได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมมากนัก  เพราะสามารถ
                  ใช้ห้องประหารในเรือนจำากลางบางขวางเช่นเดิม หาฉากกั้น จัดหาเตียง และสายหนังรัด และจัด
                  อุปกรณ์เข็มและเครื่องฉีดยาเพิ่มเติม ค่าใช้จ่ายในการประหารแต่ละครั้ง โดยเฉพาะค่ายาจะถูกกว่า

                  ค่ากระสุนปืน (โทษประหารชีวิตในประเทศไทย, ๒๕๔๘)



                           ทิศท�งแนวโน้มของก�รประห�รชีวิตในประเทศไทย
                           จำานวนผู้ถูกประหารชีวิตจำาแนกตามประเภทคดีระหว่าง พ.ศ. ๒๔๗๘-๒๕๔๗ ปรากฏว่า

                  ผู้ถูกประหารชีวิตโดยส่วนใหญ่กระทำาผิดในคดีที่เกี่ยวข้องกับความผิดต่อชีวิตและร่างกาย  จำานวน

                  ๑๒๘ คน ในขณะที่ผู้กระทำาผิดด้วยคดีที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติยาเสพติดมีจำานวนเพียง ๒๕ คน
                  หากแต่ในปัจจุบันมีจำานวนผู้ต้องโทษประหารชีวิตด้วยคดีที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติยาเสพติด
                  เพิ่มขึ้นเป็นจำานวนมาก ดังจะเห็นได้จากจำานวนผู้ต้องโทษประหารชีวิตใน พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้เพิ่มขึ้น

                  เป็นจำานวนมากถึง ๔๒๓ คน หรือ ร้อยละ ๔๙.๙ ของผู้ต้องโทษประหารชีวิตทั้งหมด อันแสดงให้เห็นถึง

                  จำานวนผู้กระทำาผิดในคดียาเสพติดที่มีมากขึ้น และได้แสดงให้เห็นถึงทิศทางแนวโน้มของการใช้โทษ
                  ประหารชีวิตในสังคมไทย  ที่ได้ให้ความสำาคัญกับการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด  ซึ่งทิศทาง
                  แนวโน้มการใช้โทษประหารชีวิตในประเทศไทยในปัจจุบันและอนาคตได้เน้นการใช้โทษประหารชีวิต

                  กับผู้กระทำาผิดในคดียาเสพติดมากขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์สำาคัญเพื่อเป็นการข่มขู่ยับยั้งคนในสังคม

                  ให้มีความเกรงกลัวต่อโทษที่จะได้รับจากการกระทำาผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด  (โทษประหารชีวิต
                  ในประเทศไทย, ๒๕๔๘)
                           อย่างไรก็ตาม  แม้ว่าประเทศไทยยังคงมีโทษประหารชีวิตอยู่  แต่ยังมีกระบวนการ

                  หรือขั้นตอนที่ช่วยในการระงับยับยั้งหรือจำากัดโทษดังกล่าวซึ่งเป็นไปตามหลักมนุษยธรรม

                  และสิทธิมนุษยชนอยู่มาก  เช่น  การขอพระราชทานอภัยโทษภายหลังถูกพิพากษา  การงดเว้น
                  การประหารหญิงมีครรภ์ก่อนคลอดบุตร  รวมทั้งการพิจารณาของศาลมีการนำาคุณงามความดี
                  หรือการให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาพิจารณาร่วมด้วย เป็นต้น ทำาให้การประหารชีวิตจริงๆ

                  ในประเทศไทยเกิดขึ้นน้อย (โทษประหารชีวิตยับยั้งอาชญากรรมได้หรือไม่, ๒๕๕๑)

                           สรุปได้ว่า  วิวัฒนาการของการลงโทษประหารชีวิตในประเทศไทยไม่ได้มีความแตกต่าง
                  จากวิวัฒนาการของการลงโทษประหารชีวิตในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกมากนัก โดยรูปแบบของการ
                  ลงโทษประหารชีวิตในอดีตเน้นการประหารที่มีความรุนแรง หรือทรมานผู้ต้องโทษประหาร เพื่อเป็น

                  การแก้แค้นทดแทนและการข่มขู่ยับยั้ง  ดังเช่นรูปแบบของการประหารชีวิตของประเทศต่าง  ๆ

                  ทั่วโลก หากแต่ปัจจุบันรูปแบบของการประหารชีวิตได้เปลี่ยนแปลงเป็นการประหารชีวิตที่เน้นหลัก
                  สิทธิมนุษยชน และตอบสนองต่อวัตถุประสงค์ของการลงโทษเพื่อแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำาผิดมากขึ้น






        44     คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62