Page 166 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 166

หากแต่ปัจจุบันแนวคิดในการปฏิบัติต่อผู้กระทำาผิดที่สำาคัญ  คือ  การแก้ไขฟื้นฟู
                     ผู้กระทำาผิด  เนื่องจากมีความเชื่อต่อสาเหตุในการกระทำาผิดตามหลักปฏิฐานนิยม  (Positive

                     School)  ที่เชื่อว่าทุกคนเกิดมาเปรียบเสมือนผ้าขาวที่บริสุทธิ์  หากแต่ต้องกระทำาผิด

                     เพราะสภาพแวดล้อมเป็นสิ่งที่บีบบังคับให้ต้องกระทำาผิด  (Determinism)  อันนำาไปสู่แนวทาง
                     ในการปฏิบัติต่อผู้กระทำาผิดที่เน้นการแก้ไขฟื้นฟู เพราะเห็นว่าผู้ที่กระทำาผิดไม่ได้เป็นผู้ที่เป็นอาชญากร
                     โดยกำาเนิด  หากแต่ต้องเป็นอาชญากรหรือกระทำาผิดเนื่องจากการถูกสภาพแวดล้อมรอบตัว

                     ที่บีบบังคับ  หรือหล่อหลอมให้ต้องประกอบอาชญากรรม  ดังนั้น  ผู้กระทำาผิดจึงควรได้รับโอกาส

                     ในการบำาบัดแก้ไขฟื้นฟู เพื่อให้สามารถกลับเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าต่อสังคมต่อไป
                             เช่นเดียวกับนักโทษประหารที่แม้จะกระทำาผิดในคดีอุกฉกรรจ์  หรือมีพฤติกรรมการ
                     กระทำาผิดรุนแรงที่ต้องได้รับโทษสูงสุด  คือ  การต้องโทษประหารชีวิต  หากแต่เมื่อพิจารณา

                     สาเหตุในการกระทำาผิดตามแนวคิดของสำานักปฏิฐานนิยม  (Positive  School)  จะเห็นได้ว่า

                     นักโทษประหารต้องกระทำาผิดจนกระทั่งได้รับโทษประหาร  อาจเนื่องจากสภาพแวดล้อมรอบตัว
                     เป็นปัจจัยที่สำาคัญในการหล่อหลอม  หรือบีบบังคับให้นักโทษประหารต้องกระทำาผิด  อาทิ  การค้า
                     ยาเสพติดเนื่องจากความยากจน  หรือการฆาตกรรมเพราะมีความผิดปกติทางจิตใจที่ไม่สามารถ

                     ควบคุมตัวเองได้ รวมทั้งการกระทำาผิดเพราะขาดโอกาสที่ดีทางสังคม เป็นต้น

                             ดังนั้น  หากพิจารณาสาเหตุการกระทำาผิดของนักโทษประหารตามแนวคิดของสำานัก
                     ปฏิฐานนิยม  (Positive  School)  ดังกล่าวข้างต้น  จึงนำาไปสู่แนวทางในการปฏิบัติต่อนักโทษ
                     ประหาร  คือ  การให้นักโทษประหารได้มีโอกาสในการแก้ไขฟื้นฟู  โดยการให้การบำาบัดรักษา

                     ทั้งทางร่างกายและจิตใจที่มีความเหมาะสม  เพื่อให้นักโทษประหารมีโอกาสได้แก้ไขฟื้นฟู

                     พัฒนาตนเองให้กลับเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าต่อสังคมต่อไป  ซึ่งการยอมรับในแนวคิด
                     ดังกล่าวข้างต้นดังจะเห็นได้จากประเทศต่าง ๆ  โดยส่วนใหญ่ทั่วโลกที่ได้มีการยกเลิกการใช้
                     โทษประหารชีวิต  เพื่อให้ผู้ที่กระทำาผิดแม้จะกระทำาผิดในคดีที่มีความรุนแรงได้มีโอกาส

                     ในการแก้ไขฟื้นฟู  เพื่อให้สามารถกลับคืนเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าของสังคมต่อไป  แทนการ

                     ลงโทษด้วยการเอาชีวิตผู้กระทำาผิด เพราะอาจจะมีประโยชน์เพียงแค่ความสะใจ หรือความสาสม
                     ต่อความผิดที่ผู้กระทำาผิดได้ทำาไว้ หากแต่อาจไม่สามารถทำาให้ผู้กระทำาผิดได้สำานึกผิด หรือได้ปฏิบัติ
                     ตนเป็นคนดีเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม  ดังนั้น  แนวทางที่สำาคัญเพื่อตอบสนองต่อวัตถุประสงค์

                     ของการปฏิบัติต่อผู้กระทำาผิดที่เน้นในการแก้ไขฟื้นฟูและการเคารพในสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรี

                     ความเป็นมนุษย์ คือ การยกเลิกโทษประหารชีวิตและการให้ผู้กระทำาผิดได้มีโอกาสในการแก้ไขฟื้นฟู
                     เป็นสำาคัญ
















                                                                       โทษประหารชีวิตในประเทศไทย 153
   161   162   163   164   165   166   167   168   169   170   171