Page 161 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 161
ประจำา ICCPR) เคยวินิจฉัยว่า รัฐภาคีไม่จำาเป็นต้องยกเลิกโทษนี้โดยสิ้นเชิง แต่ต้องบังคับใช้
อย่างจำากัดเฉพาะหมวดคดีบางประเภท เมื่อใดที่ประเทศไทยสามารถหาโทษชนิดอื่นมาทดแทน
โทษประหารชีวิตได้แล้ว ก็จะสามารถรณรงค์ให้พักการใช้โทษประหารชีวิตได้ และรณรงค์
ให้ประเทศไทยลงนามในพิธีสารฉบับที่สอง ซึ่งนำาไปสู่การเร่งรัดกฎหมายภายในที่จะต้องยกเลิก
โทษประหารชีวิตโดยสิ้นเชิง ซึ่งอาจต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง
ประเทศไทยจำาเป็นต้องมีรูปธรรมที่อธิบายได้ว่า หากจะยกเลิกโทษประหารชีวิตในอนาคต
ซึ่งอาจมีระยะเวลาต่อไปอีก ๕-๑๐ ปี ประเทศไทยควรมีการปฏิบัติอย่างไร เช่น ยกเลิกการประหารชีวิต
สำาหรับความผิดบางประเภทไปก่อน เช่น ความผิดเกี่ยวกับกบฏ แล้วเปลี่ยนมาเป็นโทษจำาคุก
ตลอดชีวิต รวมทั้งการมีมาตรการที่เหมาะสมของหน่วยงานที่ต้องทำาหน้าที่ในการดูแลนักโทษเหล่านี้
โดยการหามาตรการในระบายจำานวนนักโทษออกจากเรือนจำา เพื่อลดความแออัดยัดเยียดในเรือนจำา
รวมทั้งการสร้างมาตรการที่เหมาะสมต่อการแก้ไขฟื้นฟูผู้ที่กระทำาผิดโดยพลั้งพลาดด้วยการไม่ใช้
เรือนจำา เพื่อให้เรือนจำาสามารถเป็นสถานที่ในการควบคุมตัวผู้กระทำาผิดที่มีความเป็นอาชญากร
อย่างแท้จริง
- ควรคงโทษประห�รชีวิต
สำาหรับผู้ที่เห็นว่าประเทศไทยควรมีการคงโทษประหารชีวิตไว้ เนื่องจากจำาเป็นต้องคำานึงถึง
ความรู้สึกของผู้เสียหายและคนที่ถูกทำาร้ายด้วย รวมทั้งหากจำาเลยที่อาจต้องโทษประหารชีวิต
มีการรับสารภาพ ศาลก็ลงโทษเหลือจำาคุกตลอดชีวิตแทน ดังนั้น การใช้โทษประหารชีวิตสำาหรับ
สังคมไทยยังคงมีความจำาเป็น เพราะการต้องโทษประหารชีวิตยังสามารถขออภัยโทษให้เหลือ
จำาคุกตลอดชีวิตได้ ซึ่งกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยยังคงมีการผ่อนหนักเป็นเบา ไม่มี
การใช้โทษประหารชีวิตอย่างจริงจังมากนัก ซึ่งหากไม่มีการใช้โทษประหารชีวิตโอกาสที่ผู้กระทำาผิด
ที่มีความเป็นอาชญากรโดยกมลสันดานจะเลิกทำาผิดนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ ซึ่งหากไม่มีโทษประหาร
ชีวิต อาจจะทำาให้อาชญากรรมเพิ่มขึ้นแน่นอน
นอกจากนี้ ไม่ควรยกเลิกโทษประหารชีวิต เพราะอาชญากรส่วนใหญ่กลัวโทษ จึงไม่ควร
ลดโทษให้รุนแรงน้อยลง และเมื่อตัวจำาเลยหรือผู้กระทำาผิดเองยังไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น ก็ไม่จำาเป็น
ต้องเคารพสิทธิของผู้กระทำาผิด เพื่อเป็นการสร้างความเป็นธรรมให้แก่สังคม
รวมทั้งการกำาหนดโทษทางอาญามีขึ้นเพื่อควบคุมความประพฤติหรือให้โทษแก่
ผู้กระทำาผิด แม้บุคคลส่วนหนึ่งอาจมองได้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่กระทบต่อเนื้อตัว
ร่างกาย แต่การกระทบสิทธินั้นก็เป็นสิทธิของผู้กระทำาผิดเท่านั้น ไม่ใช่การละเมิดสิทธิของสังคม
โดยรวม และแน่นอนว่าการลงโทษประหารชีวิต คือ การตัดผู้กระทำาผิดออกจากสังคมโดยเด็ดขาด
แม้จะมีงานวิจัยออกมาแล้วว่าไม่ทำาให้คนกลัวต่ออาชญากรรม หากแต่ยังไม่มีงานวิจัยที่แสดง
ให้เห็นว่า หากไม่มีโทษประหารชีวิตแล้วทำาให้อาชญากรรมลดน้อยลง ดังนั้น การใช้โทษประหาร
ชีวิตแม้จะไม่สามารถข่มขู่ยับยั้งให้คนในสังคมเกรงกลัวได้ แต่ก็ยังสามารถตัดโอกาสผู้กระทำาผิด