Page 104 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 104

ประเทศไทยได้งดออกเสียงเป็นปีที่  ๒  ต่อมติพักการใช้โทษประหารชีวิตชั่วคราวในที่ประชุม
                     สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเทียบกับการลงมติคัดค้าน

                     เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๐ และปี พ.ศ. ๒๕๕๑ อันแสดงให้เห็นว่าแม้ประเทศไทยจะยังไม่เห็นด้วยกับการ

                     ยกเลิกโทษประหารชีวิต หากแต่ปัจจุบันมีแนวโน้มที่ดีที่ประเทศไทยไม่ได้มีการคัดค้านต่อการพักการใช้
                     โทษประหารชีวิตชั่วคราว
                             จากข้อกำาหนดของกฎหมายระหว่างประเทศที่ได้มีข้อกำาหนดที่เกี่ยวข้องกับการยกเลิก

                     โทษประหารชีวิตดังกล่าวข้างต้น  ได้แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของการยกเลิกโทษประหารชีวิต

                     ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยมีวัตถุประสงค์ที่สำาคัญเพื่อเป็นการมุ่งเน้นเคารพสิทธิและเสรีภาพ
                     ในชีวิตของมนุษย์เป็นสำาคัญ  ซึ่งปัจจัยด้านกฎหมายระหว่างประเทศดังกล่าวข้างต้นเป็นปัจจัย
                     ที่สำาคัญประการหนึ่งที่ทำาให้ประเทศไทยอาจต้องมีการยกเลิกการใช้โทษประหารชีวิต  เพื่อเป็นการ

                     แสดงออกถึงการให้ความสำาคัญต่อการเคารพสิทธิมนุษยชนของประชาชนในประเทศเป็นสำาคัญ

                             จากข้อมูลที่กล่าวมาเบื้องต้นแสดงถึงอิทธิพลของสังคมโลกต่อประเทศไทยในบทบาท
                     ทางด้านสิทธิมนุษยชนได้อย่างดียิ่ง  และยังเป็นการสะท้อนถึงภาวะความตื่นตัวของประเทศไทย
                     ในการปรับตัวและเรียนรู้มิติทางด้านสิทธิมนุษยชนจากต่างประเทศเช่นเดียวกัน  การลงนามใน

                     สนธิสัญญาต่าง  ๆ  จึงเป็นการพัฒนาพื้นฐานหลักการทางด้านสิทธิมนุษยชนให้มีความเป็นอารยะ

                     และได้รับการยอมรับจากนานาประเทศว่าประเทศไทยให้ความสำาคัญต่อมิติทางด้านสิทธิและศักดิ์ศรี
                     ของมนุษย์
                             อย่างไรก็ดี  ในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นประเทศไทยได้สั่งให้มีการประหารนักโทษยาเสพติด

                     ๒  ราย  ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในการละเมิดสิทธิในชีวิตโดยการทำาการสังหารประชาชน

                     ในประเทศของตนเองขึ้น  ประเทศไทยจึงถูกจับตามองว่าเป็นประเทศที่ไร้มนุษยธรรม  นอกจากนี้
                     ในรายงานการทบทวนสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย  (UPR)  โดยสหประชาชาติ
                     ประเทศไทยได้รับข้อเรียกร้องจากนานาชาติให้ดำาเนินการยกเลิกการลงโทษประหารชีวิต  และตั้ง

                     ข้อกังขาต่อรัฐบาลในการบังคับใช้และคงไว้ซึ่งโทษประหารชีวิตในสังคมไทยเป็นอย่างมาก

                     ต่อสถานการณ์เช่นนี้  ซึ่งรัฐบาลไทยไม่ควรจะเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องดังกล่าวของสังคมโลก
                     เฉกเช่นในอดีตได้อีกต่อไป การคงไว้ซึ่งโทษประหารชีวิตเป็นเพียงการคงไว้ซึ่งมาตรการและวิธีการ
                     ซึ่งแสดงถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชน  และทำาให้เกิดผลกระทบต่อสถานะทางด้านสิทธิมนุษยชน

                     ของประเทศไทย

                             เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญนั้นต้องการให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
                     เป็นองค์กรอิสระและเป็นกลไกที่จะพิจารณาว่า  กฎหมายหรือการกระทำาใดไม่ว่าจะของรัฐ
                     หรือของปัจเจกบุคคลที่อาจก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน  หรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม

                     ไม่เสมอภาคต่อประชาชน  เพราะคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตามรัฐธรรมนูญ

                     แห่งราชอาณาจักรไทย  พุทธศักราช  ๒๕๕๐  มิได้เป็นเพียงองค์กรที่เสนอความคิดเห็นประกอบ
                     การดำาเนินงานของภาครัฐเท่านั้น  แต่จักเป็นผู้วางมาตรฐานเบื้องต้นในการกำาหนดคุณค่า






                                                                       โทษประหารชีวิตในประเทศไทย 91
   99   100   101   102   103   104   105   106   107   108   109