Page 108 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 108
ต้องมีสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายของตนเอง มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เฉกเช่น
เดียวกัน ซึ่งรัฐธรรมนูญ เป็นกฎหมายที่มีศักดิ์และสิทธิเหนือกว่ากฎหมายอื่นใด และได้มี
การบัญญัติประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนให้เป็นหลักประกันของปวงชนชาวไทย การคงไว้
ซึ่งโทษประหารชีวิตของกฎหมายฉบับอื่น ๆ จึงเป็นการคงไว้ซึ่งกฎหมายที่มีความขัดแย้งต่อหลักการ
ของรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยโทษประหารชีวิตไม่ได้มีอิทธิพล
เพียงการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญเท่านั้น หากแต่โทษประหารชีวิตยังคงเป็นการขัดแย้ง
ต่อหลักการสิทธิมนุษยชนของบุคคลทุกคน เพราะการใช้โทษประหารชีวิตเป็นการทำาลายชีวิต
ของผู้กระทำาผิด อันเป็นการแสดงให้เห็นถึงการละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนและการไม่เคารพในศักดิ์ศรี
ความเป็นมนุษย์แต่ประการใด
จากข้อกำาหนดของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐
ดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่า รัฐธรรมนูญของประเทศไทยฉบับนี้มีการพัฒนาเพื่อคุ้มครอง
สิทธิมนุษยชนของประชาชนชาวไทยมากขึ้น รวมทั้งการคุ้มครองสิทธิของผู้กระทำาผิดที่จะไม่ต้อง
ได้รับโทษที่มีความโหดร้ายทารุณ เพื่อความเจริญที่เทียบเท่าอารยะประเทศ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทย
ได้มีการกำาหนดการบังคับใช้โทษประหารชีวิตในกฎหมายฉบับอื่นที่เกี่ยวข้อง จึงมีความขัดแย้งต่อ
รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ดังนั้น แนวทางในอนาคตที่เหมาะสมของประเทศไทย
อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนกฎหมายที่มีความเหมาะสม ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่กำาหนดไว้ คือ
การยกเลิกโทษประหารชีวิต
๒.๔.๗ กฎหม�ยที่บัญญัติโทษประห�รชีวิต
กฎหม�ยที่บัญญัติเกี่ยวกับโทษประห�รชีวิตในประเทศไทยมีวิวัฒน�ก�ร ดังนี้
ในสังคมไทยปัจจุบัน ได้มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการลงโทษประหารชีวิตจากการ
ยิงเป้ามาเป็นการฉีดสารพิษเข้าสู่ร่างกายนักโทษเพื่อลดความทรมานของนักโทษ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖
เนื่องจากการลงโทษประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าไม่สามารถสร้างหลักประกันได้ว่า ผู้ต้องโทษประหาร
จะเสียชีวิตจากการถูกยิงทันทีโดยปราศจากความทรมาน เพราะในความเป็นจริงแล้วการยิงเป้านั้น
บ่อยครั้งนักโทษประหารชีวิตมักไม่เสียชีวิตจากการยิงด้วยกระสุนนัดเดียว และทำาให้นักโทษ
ประหารชีวิตต้องทุรนทุรายด้วยความทรมานอย่างแสนสาหัสกับบาดแผลก่อนจะถูกสังหาร
ด้วยกระสุนนัดต่อมา
โทษประหารชีวิตนั้นไม่ใช่โทษที่เพิ่งถูกบัญญัติในช่วงสังคมสมัยใหม่ หากแต่
เป็นโทษที่ถูกบัญญัติเอาไว้ในสังคมไทยอย่างยาวนานนับตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ในกฎหมายตราสาม
ดวง กฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. ๑๒๗ และเรื่อยมาจนถึงยุคปัจจุบัน โดยสามารถลำาดับวิวัฒนาการ
ของโทษประหารชีวิตได้ ดังนี้
โทษประหารชีวิตในประเทศไทย 95