Page 40 - รายงานโครงการศึกษา เรื่อง การจัดทำตัวชี้วัดสิทธิมนุษยชนเบื้องต้นตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
P. 40

39


                                                                                                   รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง
                                                                       การจัดทำาตัวชี้วัดสิทธิมนุษยชนเบื้องต้นตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน


                     ๓.๑.๑  ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
                              ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights : UDHR)

                     เป็นตราสารสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศฉบับแรกที่ได้ประกาศหลักการสำาคัญว่าด้วยสิทธิเสรีภาพ
                     ของมนุษย์ในการเคารพและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ให้สมกับคุณค่าและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์
                     ของทุกคน  ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนจัดทำาขึ้นโดยคณะกรรมการร่างซึ่งเป็นตัวแทนของ

                     ภูมิภาคต่างๆ ที่มีระบบกฎหมาย ศาสนา และวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน  โดยมี นางเอลลีเนอร์ รูสเวลท์
                     เป็นประธานคณะกรรมการร่างปฏิญญาสากล  สมัชชาใหญ่สหประชาชาติได้รับรองปฏิญญาโดยมติเอกฉันท์
                     ในวันที่ ๑๐ ธันวาคม ค.ศ. ๑๙๔๘ (พ.ศ. ๒๔๙๑)

                              ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนสามารถแบ่งได้เป็นสี่ส่วน คือ

                              •  ส่วนแรก (ข้อ ๑ และข้อ ๒) บัญญัติถึงหลักการทั่วไป และแนวคิดทางสิทธิมนุษยชน

                                 เช่น สิทธิมนุษยชนเป็นสิทธิที่ไม่อาจพรากจากมนุษย์ได้  หลักความเท่าเทียม และหลัก
                                 ภราดรภาพ
                              •  ส่วนที่สอง (ข้อ ๓ ถึงข้อ ๒๑) เป็นการรับรองสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
                                 (Civil and Political Rights)

                              •  ส่วนที่สาม (ข้อ ๒๒ ถึงข้อ ๒๘) รับรองสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
                                 (Economic, Social and Cultural Rights)

                              •  ส่วนที่สี่ (ข้อ ๒๙ และข้อ ๓๐) บัญญัติหน้าที่ของบุคคลต่อสังคม การจำากัดสิทธิเสรีภาพ
                                 ของบุคคล และการตีความสิทธิตามปฏิญญานั้นจะต้องไม่เป็นการบั่นทอนสิทธินั้นๆ

                              คุณค่าทางกฎหมายที่สำาคัญที่สุดของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน คือ การเป็น
                     ตราสารอ้างอิงหลักการ และเนื้อหาสิทธิมนุษยชน  ที่รัฐต่างๆ ได้ปวารณาตนเองตามกฎบัตร

                     สหประชาชาติที่จะส่งเสริมการเคารพสิทธิมนุษยชน  โดยที่กฎบัตรฯ มิได้นิยามหรือแจกแจงว่า
                     สิทธิมนุษยชนคืออะไร  ดังนั้น ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนจึงเป็นเอกสารเสริมกฎบัตรฯ
                     ช่วยทำาให้คำาว่า สิทธิมนุษยชนมีความหมายชัดเจนขึ้น  แม้ว่าปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน

                     ไม่มีผลผูกพันในฐานะเป็นสนธิสัญญา  แต่ถือได้ว่าหลักการต่างๆ ที่รับรองในปฏิญญาสากลว่าด้วย
                     สิทธิมนุษยชน ได้มีการยอมรับจนถือได้ว่าเป็นกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ ดังได้อธิบาย
                     แล้วในบทที่ ๒ ข้างต้น

                              ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนได้รับการทำาให้ชัดเจนขึ้นโดยกติการะหว่างประเทศ

                     สองฉบับ คือ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง  และกติการะหว่าง
                     ประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม  กล่าวอีกนัยหนึ่ง กติการะหว่างประเทศ

                     ว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม
                     และวัฒนธรรม เป็นส่วนที่แตกออกมาจากปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน เพื่อให้เกิดความชัดเจนขึ้น
                     ซึ่งตราสารทั้งสามฉบับนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็น “กฎบัตรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ” ดังนั้น
                     การพิจารณาพันธกรณีตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนจึงต้องพิจารณาประกอบกับกติกา

                     ระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิ
                     ทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ด้วยเสมอ
   35   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45