Page 654 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 654
“มันมีขั้นตอนของมัน ถ้าตรวจสอบแล้วมีข้อสรุปว่าหนึ่ง สอง สาม แล้วเขาไม่ท า สุดท้าย
ต้องท าหนังสือถึงนายกฯ และรัฐสภาตามล าดับ กระบวนการก็สิ้นสุดตรงนี้ ดังนั้นถ้าจะให้
เวิร์คจริงๆ คงต้องมีพลังมวลชนช่วยผลัก”
“..... แต่เขาไปหา ปวีณา ปวีณาก็หิ้วไปโรงพัก เรียกสื่อไปท าข่าว เสร็จแล้วก็จบ”
4. การด าเนินการยังไม่เต็มตามเครื่องมือ หรือกลไกที่มี
ั
ผลการสัมภาษณ์ข้อมูลเชิงลึก สะท้อนปญหาส าคัญอีกประการในขั้นตอนนี้คือ ภายหลัง
ั
จากส่งผลการตรวจสอบ และข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปญหา กสม. ยังขาดการกระบวนการติดตาม
ั
ผล ดังนั้นในทางปฏิบัติปญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนจ านวนหนึ่ง จึงหยุดชะงักภายหลัง
กระบวนการตรวจสอบ ดังค าให้สัมภาษณ์ของผู้บริหารท่านหนึ่งที่ระบุว่า
ผู้บริหาร “ถ้าหน่วยงานไม่ด าเนินการอะไรเลย ก็จะส่งเรื่องไปนายกแล้วถ้ายังเหมือนเดิมก็จะส่งเรื่อง
ไปสภา แต่ที่ผ่านมายังไม่ส่งมากนักเพราะระบบตรงนี้ยังไม่เต็มที่ ตอนนี้มีข้าราชการอยู่คน
เดียวเอง”
่
“เราก็มีคณะฝายติดตามความคืบหน้าของข้อเสนอแนะที่เราท า แต่กลไกตรงนี้ไม่ค่อยมีเนื้อ
งานออกมาเท่าไหร่ จะเป็นเพราะเหตุใดผมก็ไม่รู้ เราออกไปท างานแต่ละครั้งๆ มันไม่การ
ติดตามการบังคับตรงนี้”
“กฎหมายมันบอก สั่งให้หน่วยงานท าภายในหกสิบวันถ้าไม่ท า ท าอย่างไร ก็บอกไปที่
นายกฯ คุณก็เดินสิ กฎหมายให้บอกไปที่นายกฯ ก็บอกไปแล้วกี่วัน กฎหมายมันก าหนดอีก
หรือไม่ ถ้าไม่ส าเร็จไปที่ไหน ไปสภา เดินสิ กฎหมายมันบอกให้เดินอย่างนี้แต่ข้อเท็จจริง
มันไม่ใช่อย่างนี้ มันเว้นวรรคมันก็เลยไม่เป็นไปตามที่กฎหมายเขียน”
ั
ส าหรับการส ารวจ ปญหา ข้อจ ากัดของการด าเนินการภายหลังการพิจารณาเรื่อง
ร้องเรียนเสร็จสิ้น ท าการส ารวจรวม 6 ด้าน พบว่ามีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 2.96 ถึง 3.90 หรือมี
ั
ปญหาในระดับ “ปานกลาง” จนถึง “มาก” ที่น่าพิจารณาคือส่วนใหญ่คือ 4 จาก 6 ด้าน พบว่ามี
ั
ปญหาระดับ “มาก” โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดคือ การไม่ใช้กลไกผลักดันผ่านทางนายกรัฐมนตรี
และรัฐสภาอย่างจริงจัง ค่าเฉลี่ย 3.90 รองลงมามีเท่ากัน 2 ด้าน คือ ข้อเสนอแนะจากผลการ
ตรวจสอบ ไม่เกิดผลในทางปฏิบัติ ผู้เสียหายไม่ได้รับการเยียวยาและ ขาดระบบการติดตามผล
- 543 -

