Page 652 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 652
ั
ปญหาส าคัญอีกประการในเขียนรายงาน เชื่อมโยงกับการยอมรับผลการตรวจสอบของ
คู่กรณี เนื่องจากพบว่า บางครั้งข้อเสนอแนะจากผลการตรวจสอบไม่ได้รับการยอมรับ โดยการ
อ้างถึงมาตรฐานในการตรวจสอบ ดังค าให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งที่ระบุว่า
เจ้าหน้าที่ “มันก็จะมีบางหน่วยงานหรือว่ามาตรการบางข้อที่เราคิดว่าเขาควรท า ...เขาท าไม่ได้
เนื่องจากเขาไม่เห็นด้วยกับข้อเท็จจริงของเราที่เราตรวจสอบมันคนละเรื่องกับที่เขา
ตรวจสอบได้ เขาก็จะไม่เห็นด้วยไม่ด าเนินการตามมาตรการบางข้อที่เราเสนอไป นั้นก็เป็น
ั
ปญหาหนึ่ง”
้
ขณะที่บางครั้ง นอกจากไม่ยอมรับผลการตรวจสอบแล้ว ยังมีกรณีการฟองร้องกลับ ซึ่ง
ข้อมูลล่าสุดจากกรรมการสิทธิฯ ท่านหนึ่งระบุว่า
้
กรรมการ “ก าลังถูกฟองอยู่ 2 เรื่อง คือเรื่องของอาจารย์คนนึงซึ่งเป็น NGO ของมหาลัยขอนแก่น คือ
บางทีเราก็รับเรื่องร้องเรียนโดยไม่อยากเซ็นอะ แต่ก็เซ็น ก็คือไปตรวจสอบเขาเกินกว่าเหตุ
้
อีกเรื่องหนึ่งที่ก าลังถูกฟองก็คือไปช่วยชาติพันธุ์ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน แล้วทางนี้
่
่
บอกว่าเป็นวิถีชีวิตที่เร่ร่อนหมุนเวียนการตัดปา แต่ทางนั้นบอกไม่ใช่เป็นการท าร้ายปา”
2. ขอบเขตหน้าที่ อ านาจตามบทบัญญัติกฎหมาย
เนื่องจากขอบเขตหน้าที่ของ กสม. เน้นกระบวนการตรวจสอบเป็นหลัก ดังนั้นบทบัญญัติ
ั
กฎหมายที่มีปจจุบันจึงเป็นเครื่องมือที่เน้นที่กระบวนการตรวจสอบ ขณะที่ข้อเสนอแนะไม่มีสภาพ
บังคับในตัวเอง แต่อาศัยกลไกสร้างสภาพบังคับจากนายกรัฐมนตรี และรัฐสภาตามล าดับ ดัง
ตัวอย่างบางส่วนของค าให้สัมภาษณ์
อนุกรรมการ “...ขณะเดียวกันเป็นองค์กรตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งจะไม่มีไม่ได้ ถ้าไม่มีเท่ากับว่า
เราไม่ยอมรับกฎหมายระหว่างประเทศที่ทางเขาก าหนดไว้ว่าต้องมีองค์กรสิทธิมนุษยชนที่
ตรวจสอบการละเมิดสิทธิเกี่ยวกับการคุ้มครอง เพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์เยียวยา โดยเฉพาะ
การเยียวยา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนมีน้อยมากหรือแทบไม่มีเลยในการที่จะมีอ านาจ
หน้าที่ในการเยียวยาคนที่รับผลกระทบจากการละเมิดสิทธิ ถ้ามีอ านาจตัวนี้วิธีการ
ั
ั
แก้ปญหาก็จะเร็วขึ้น แล้วยุติข้อพิพาทได้มากกว่าปจจุบัน”
- 541 -

