Page 168 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 168
ที่มาของอ านาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
พ.ศ. 2542
อ านาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มี
ที่มาจากการประชาพิจารณ์ร่างกฎหมาย “คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ” ซึ่งในวาระ
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติที่ครบรอบ 50 ปี ใน พ.ศ.2541 รัฐบาล
โดยนายชวน หลีกภัย ได้จัดตั้งคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการจัดท านโยบายและแผนปฏิบัติ
ั
การแม่บทด้านสิทธิมนุษยชน โดยมีนายอานันท์ ปนยารชุน เป็นประธานกรรมการ และกระทรวง
ยุติธรรมเป็นเลขานุการ ท าหน้าที่ร่างนโยบายและแผนปฏิบัติการแม่บท ว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
เพื่อให้ภาครัฐได้ยึดถือไปด าเนินการ และมีการจัดท าประชาพิจารณ์ต่อร่างนโยบายนี้ทั่วประเทศ
โดยมีนายแพทย์ประดิษฐ์ เจริญไทยทวี เป็นประธานกรรมการประชาพิจารณ์ ซึ่งก่อให้เกิดความ
ตื่นตัวในด้านสิทธิมนุษยชนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยทั่วไป ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบนโยบาย
และแผนปฏิบัติการแม่บทว่าด้วยสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2543 และมอบหมายให้
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปด าเนินการ แต่มีความคืบหน้าน้อยมาก
ั
ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เอง จากบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฉบับปจจุบัน (พ.ศ.2540)
ในมาตรา 334 ที่ก าหนดให้จัดตั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติภายใน 2 ปี รัฐบาล
โดยนายพิชัย รัตตกุล รองนายกรัฐมนตรี ได้จัดตั้งคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายว่าด้วย
สิทธิมนุษยชนตามรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2541 โดยมีอัยการสูงสุดประธาน ร่างฯ นี้
มีมติให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2541 และรัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการ
ประชาพิจารณ์ร่างกฎหมาย โดยมีนายแพทย์ประดิษฐ์ เจริญไทยทวี เป็นประธานกรรมการ เมื่อ
วันที่ 14 พฤศจิกายน 2541 นับเป็นร่างกฎหมายฉบับแรกหลังรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พ.ศ.2540 ที่มีการจัดท าประชาพิจารณ์ โดยข้อเสนอจากประชาพิจารณ์ที่มีผลต่อการปรับปรุง
แก้ไขร่างฯ นี้ มีประเด็นที่ส าคัญคือ
1. การยืนยันให้เป็นองค์กรอิสระ ไม่ถูกครอบง าจากระบบการเมือง คือ ให้ประธาน
กรรมการสิทธิมนุษยชนรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ฯ
2. ก าหนดคุณสมบัติให้ผู้ที่จะด ารงต าแหน่งกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติฯ
3. การลดจ านวนกรรมการสรรหาที่มาจากข้าราชการประจ า และเพิ่มสัดส่วนกรรมการ
สรรหาจากสถาบันการศึกษาแทน
4. การก าหนดอ านาจหน้าที่เพิ่มเติมในการเรียกข้อมูล และบุคคลเพื่อการตรวจสอบการ
ละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งในร่างเดิมไม่ได้ระบุไว้ รวมทั้งก าหนดบทลงโทษให้ชัดเจนถ้าไม่ปฏิบัติ
ตาม
- 124 -