Page 57 - เสียงจากชุมชน : ข้อกังวลเกี่ยวกับเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและโครงการที่เกี่ยวข้อง
P. 57

ครอบครัวแตกแยก สูญเสียร�ยได้และแหล่งอ�ห�ร ที่หมู่บ้�นทำ�น�เกลือยอดัตท�
                    กรณี       นางเล โป (อายุ 45 ปี) เกิดที่หมู่บ้านทํานาเกลือแห่งนี้และอาศัยอยู่มาทั้งชีวิต  หมู่บ้านนี้มีชาวบ้าน
                   ศึกษา       ประมาณ 50 คนจาก 11 ครอบครัว  ชาวบ้านที่นี่เคยประกอบพิธีกรรมทางจิตวิญญาณทุกๆ ปีเพื่อ
                    ที่ 3      ปกป้องคุ้มครองชุมชนของพวกเขา
                                    ชาวบ้านแต่ละครอบครัวมีรายได้ประมาณ 8,000 จั๊ต (240 บาท) ต่อเกลือหนึ่งโถ หรือประมาณ
               40,000 จั๊ต (1,200 บาท) ต่อวัน ตอนนี้ไม่มีใครทําเกลือได้อีกต่อไปแล้ว  บริษัท อิตาเลียนไทยฯ ได้รื้อทําลายบ้านเรือนของ
               พวกเขาในปี  2554  เพื่อสร้างถนนเลียบชายหาด  นางเล  โป  ไม่สามารถหยุดยั้งคนเหล่านั้นที่มาทําลายบ้านเรือนเธอได้
               และต้องย้ายออกไปจากพื้นที่  ปัจจุบันนี้เธอมีชีวิตลําบากขึ้นมาก  เธอต้องอาศัยอยู่ในบ้านพี่สาวพร้อมกับลูก ๆ อีก 3 คน
               ก่อนหน้านี้ ลูก ๆ ของเธอทั้งหมดได้เข้าโรงเรียน แต่ตอนนี้เหลือเพียงคนเดียวที่ได้ไปโรงเรียน เพราะเธอไม่มีเงินพอที่จะส่ง
               เสียลูกคนอื่น ๆ
                      นางเล โป เริ่มหางานรับจ้างรายวันทําโดยมีรายได้วันละ 1,000–1,500 จั๊ต (30–45 บาท) แต่บางครั้งก็ไม่มีคนจ้าง
               เธอยังหารายได้จากการสานหลังคาด้วยใบไม้ หาสมุนไพรป่าขาย และเปิดร้านขายของชําเล็ก ๆ  สามปีที่ผ่านมา เธอติด
               หนี้สะสมถึง 3,000,000 จั๊ต (90,000 บาท) นางเล โป ต้องการค่าชดเชยที่เป็นธรรมสําหรับการสูญเสียที่ดินและนาเกลือ
               เนื่องจากเธอต้องสูญเสียแหล่งทํามาหากินที่สําคัญ
                      ครอบครัวอื่น ๆ จากหมู่บ้านทํานาเกลือต้องโยกย้ายไปอยู่อย่างกระจัดกระจายในหมู่บ้านเต็งจีซึ่งชาวบ้าน 5 ครอบครัว
               มีที่ดินอยู่ที่นั่น  และที่หมู่บ้านปาราดัต  (ทั้งสองหมู่บ้านนี้ยังคงถูกกําหนดเป็นบริเวณก่อสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ)  นอกจาก
               รายได้จากการทํานาเกลือ หลายครอบครัวในหมู่บ้านยังได้พึ่งพาเก็บหาอาหารจากป่าชายเลนด้วย  แต่ตั้งแต่ที่ป่าชายเลนถูก
               ทําลายลงในปี 2554 ไม่เพียงแต่ชาวบ้านจากยอดัตทาเท่านั้นที่สูญเสีย แต่ยังรวมถึงชาวบ้านในหมู่บ้านเต็งจีอีกหลายครอบครัว  บทที่ 2
               ด้วย  ชาวบ้านในหมู่บ้านเต็งจีประเมินว่า ประมาณหนึ่งในห้าของคนในหมู่บ้านพึ่งพาอาหารจากป่าชายเลน โดยเฉพาะชาว
               บ้านที่ไร้ที่ทํากิน  ในตอนนี้ ชาวบ้านพวกนี้ต้องหันมาซื้ออาหารจากร้านค้าหรือในตลาด สถานการณ์ของพวกเขายิ่งแย่ลง
               ไปเรื่อย ๆ



            บทสรุปสำาหรับข้อค้นพบ

            การได้รับข้อมูลที่จำากัด                             กระทบเชิงบวกของโครงการ
            ทั้งก่อนและหลังการถูกอพยพโยกย้าย                   •  มีผู้ให้ข้อมูลเพียง 8 เปอร์เซ็นต์ที่ได้รับเอกสารข้อมูล
            •  เจ้าหน้าที่บริษัทและเจ้าหน้าที่รัฐบาลไม่ได้แจ้งอย่าง  ของโครงการ  และเพียงครึ่งหนึ่งในจํานวนนี้เท่านั้น
            เป็นทางการให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบรับทราบก่อนที่   ที่เข้าใจสิ่งที่เขียนอยู่ในเอกสาร
            โครงการจะเริ่มกิจกรรมการสํารวจและก่อสร้าง
               •  มีเพียง  7  เปอร์เซ็นต์ของครัวเรือนที่บอกว่าได้รับรู้  •  การเผยแพร่ข้อมูลของเจ้าหน้าที่โครงการไร้ประสิทธิภาพ
                 เกี่ยวกับโครงการโดยเจ้าหน้าที่รัฐ           โดยสิ้นเชิง
               •  ครัวเรือนส่วนใหญ่ (70 เปอร์เซ็นต์) ได้รับข้อมูลจาก  •  ชาวบ้านระบุว่า  ไม่ได้รับรู้มากนักเกี่ยวกับลักษณะ
                 คําบอกเล่าแบบปากต่อปาก                          และขอบเขตขององค์ประกอบทั้งหมดของโครงการ
               •  สองในสามของครัวเรือน (66 เปอร์เซ็นต์) ไม่ได้รับ  มีครัวเรือนเพียง  6  เปอร์เซ็นต์จากการสํารวจโดย
                 ข้อมูลในรูปแบบใด ๆ เลยจากรัฐบาลหรือบริษัท  และ  แบบสอบถาม  และไม่มีชาวบ้านคนใดเลยจากการ
                 ส่วนใหญ่ของผู้ที่ได้รับข้อมูลจะรับทราบเพียงผล   สนทนากลุ่มที่รับรู้ว่า  จะมีอุตสาหกรรมนํ้ามันและ



                                                                                                        57
   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62