Page 56 - เสียงจากชุมชน : ข้อกังวลเกี่ยวกับเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและโครงการที่เกี่ยวข้อง
P. 56

กรณีศึกษาในประเด็นการอพยพโยกย้าย



                               ชีวิตย�กลำ�บ�กของครอบครัวที่ต้องย้�ยไปยังเขตรองรับผู้อพยพที่บ�ว�ร์
                    กรณี       คู่สามีภรรยา นายเอ ส่วย (อายุ 48 ปี) และนางมา เล (อายุ 45 ปี) ได้ย้ายไปยังหมู่บ้านรองรับผู้
                   ศึกษา       อพยพที่บาวาร์ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2556  พวกเขาเคยมีบ้านอยู่ที่ชาคาน ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมง
                    ที่ 1      ใกล้กับหลักกิโลเมตรที่ศูนย์ของโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย  แต่บ้านของเขาถูกรื้อทําลายเพื่อ
                               เป็นพื้นที่สําหรับโครงการ แต่เดิมมีอยู่ 4 ครอบครัวที่ย้ายเข้ามาอยู่ในเขตอพยพนี้  แต่ว่าพวกเขาต้อง
               ประสบกับปัญหามากมายทั้งไม่มีนํ้า ไม่มีรถโดยสาร และลูกหลานไม่สามารถไปโรงเรียนได้  อีก 3 ครอบครัวจึงย้ายออกไป
               หลังจากนั้นไม่กี่เดือน เหลือเพียงครอบครัวนายเอ ส่วย และนางมา เล ที่ยังคงอยู่
                      แต่ก่อนที่พวกเขาอยู่ที่ชาคาน  อาชีพหลักของครอบครัวคือ  การทําประมง  พวกเขามีรายได้ประมาณ  5,000–
               10,000 จั๊ต [150–300 บาท] ต่อวัน ก่อนหน้านี้ พวกเขาอาศัยอยู่กับลูก ๆ แต่ตอนนี้ลูกชายของเขาสองคนซึ่งมีอายุ 7 และ
               9 ปี ต้องไปอาศัยอยู่ที่วัด ลูกสาวอายุ 13 ปีต้องออกจากโรงเรียนมาทํางานในหมู่บ้านประมงบริเวณใกล้เคียง เธอมีรายได้
               ในแต่ละวันจากการตากและแปรรูปปลา รวมเป็นเงิน 90,000 จั๊ต (2,700 บาท) ต่อเดือน เธอต้องส่งเงินไปให้พ่อแม่ซึ่งต้องพึ่ง
               รายได้ดังกล่าวเป็นหลัก  ลูกสาวอาศัยอยู่กับเจ้าของเรือที่เธอทํางานด้วย
                      นายเอ ส่วย ต้องหันมาล่าสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยตามพงหญ้า เช่น หนูและกระรอก รอบ ๆ เขตอพยพที่เขาอยู่  หากวัน
               ไหนมีงานรับจ้างให้ทํา พวกเขามีรายได้วันละ 1,000–1,500 จั๊ต (30–45 บาท) แต่งานรับจ้างไม่ได้มีทุกวัน  พวกเขาได้รับ
               เงินค่าชดเชย 1,000,000 จั๊ต (30,000 บาท) สําหรับที่ดินที่สูญเสียไป แต่เงินถูกใช้ไปหมดแล้ว และตอนนี้ครอบครัวก็ยัง
               เป็นหนี้อีก ความช่วยเหลือเดียวที่ทางบริษัทให้หลังจากที่พวกเขาย้ายมาที่หมู่บ้านอพยพนี้คือ หานํ้ามาให้ทุก ๆ 3 วัน  แต่ตั้งแต่ที่
               บริษัท อิตาเลียนไทยฯ ถอนตัวจากโครงการในเดือนพฤศจิกายน 2556 พวกเขาก็ไม่มีไฟฟ้าใช้ในบ้านอีกต่อไป ครอบครัว
               นายเอ ส่วย ไม่เหมือนกับอีกสามครอบครัวที่ได้ย้ายออกไป เพราะเขาไม่มีที่ไป จึงต้องอาศัยอยู่ในเขตอพยพเพียงลําพัง



                               วิถีดำ�รงชีพถูกคุกค�ม ช�วบ้�นถูกฟ้องร้องที่หมู่บ้�นช�ค�น
                    กรณี       นายโซ หนาย (อายุ 45 ปี) เกิดที่หมู่บ้านชาคาน ครอบครัวของเขาประกอบอาชีพประมงมาตั้งแต่

                   ศึกษา       รุ่นพ่อแม่  หมู่บ้านชาคานมีศาลเจ้าเก่าแก่ซึ่งเป็นที่สักการะของชุมชนประมงในบริเวณใกล้เคียง และ
                    ที่ 2      มีการจัดพิธีกรรมปีละครั้ง  ชาวบ้านจําได้ว่าหมู่บ้านชาคานมีอายุมากกว่า 100 ปี เก่าแก่พอ ๆ กับ
                               หมู่บ้านเต็งจี  ในปัจจุบันหมู่บ้านชาคานมี 30 ครัวเรือน มีชาวบ้านที่เป็นเจ้าของเรือหาปลา 3 คน
               เรือแต่ละลําจะมีคนงานชาวประมง 10 คนออกหาปลา ซึ่งหมายความว่าเรือหาปลาเหล่านี้เป็นแหล่งทํามาหากินให้ชาว
               บ้านทั้งหมู่บ้าน ชาวบ้านมีรายได้ประมาณ 5,000–10,000 จั๊ต (150–300 บาท) ต่อวันจากการจับปลา  ในช่วงเดือนกรกฎาคม
               ถึงสิงหาคมของทุกปี  ชาวบ้าน 15 ครอบครัวจะกลับไปอยู่ที่หมู่บ้านเต็งจี ซึ่งพวกเขามีบ้านแต่ไม่มีที่ทํากิน และทํางาน
               รับจ้างรายวัน ในขณะเดียวกันอีก 15 ครอบครัวที่มีบ้านอยู่เฉพาะหมู่บ้านชาคานยังคงทําประมงอยู่ในหมู่บ้านตลอดทั้งปี
                      ก่อนหน้านี้มีป่าสนทะเลขึ้นเรียงรายตามชายหาดยาวกว่า 4-5 ไมล์  ปลามักจะขึ้นมาหาอาหารใต้ร่มเงาของป่า
               สนทะเลและชาวบ้านจะมาจับปลาที่นี่ แต่บริษัท อิตาเลียนไทยฯ ได้ทําลายป่าสนทะเลทั้งหมดและทําลายป่าชายเลนเนื้อที่
               กว่า 300 เอเคอร์ ซึ่งเป็นแหล่งหากุ้ง หอย ปู ไส้เดือน และผลิตผลอื่น ๆ ของชาวบ้าน
                      นายโซ หนาย และชาวบ้านคนอื่น ๆ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ให้ย้ายออกจากหมู่บ้านโดยที่พวกเขาจะไม่ได้รับ
               ค่าชดเชยใด ๆ  เขาและเพื่อนบ้านปฎิเสธที่จะย้าย  เจ้าของเรือหาปลาทั้งสามลํา รวมถึงตัวนายโซ หนาย ถูกฟ้องร้องดําเนิน
               คดีภายใต้กฏหมายอาญามาตรา 188 ด้วยข้อหาไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของเจ้าหน้าที่รัฐ พวกเขาต้องจ้างทนายความเพื่อว่า
               ความในศาลอยู่หลายครั้ง และมีความเป็นอยู่ที่ยากลําบากขึ้น พวกเขาหวังว่าจะสามารถหาที่อยู่ใหม่ที่เขายังสามารถทํา
               ประมงต่อไปได้




          56
   51   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61