Page 50 - เสียงจากชุมชน : ข้อกังวลเกี่ยวกับเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและโครงการที่เกี่ยวข้อง
P. 50
แนวทางการชดเชยตามมาตรฐานสากล
ว่าด้วยการอพยพโยกย้ายโดยไม่สมัครใจ
ผู้ให้ข้อมูลจากแบบสอบถาม 91 เปอร์เซ็นต์ กล่าวว่า ค่า การดํารงชีพที่เทียบเท่ากับสถาพการณ์ก่อนอพยพ การ
ชดเชยนั้นไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงครอบครัวในอนาคตได้ ข้อ ชดเชยจึงจําเป็นต้องพิจารณาถึงราคาตลาดของที่ดินใหม่
กังวลหลักที่ชาวบ้านแสดงออกในการสนทนากลุ่มคือ ค่า ที่มาทดแทน ไม่ใช่เพียงตัวที่ดินที่ได้มาถือครองเท่านั้น
ชดเชยนั้นไม่เพียงพอในการฟื้นคืนวิถีการดํารงชีพให้อยู่
ในระดับเดียวกันกับก่อนที่จะถูกย้ายไปได้ ทั้งนี้ยังไม่ต้อง ข้อความจากชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบตีแผ่ให้เห็นถึง
พูดถึงการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาทางเลือกต่าง ๆ ใน ประเด็นข้างต้น
การประกอบอาชีพ แสดงถึงนัยที่ว่าการชดเชยที่ได้จ่าย
ไป หรือที่ถูกเสนอไป ไม่สอดคล้องกับสิทธิตามกฎหมายที่ • “ตอนนี้ที่ดินในหมู่บ้านบาวาร์มีราคาแปลงละตั้งแต่
ผู้ได้รับผลกระทบพึงได้รับ 25–30 ล้านจั๊ต [750,000–900,000 บาท] ต่อเอเคอร์
แต่ค่าชดเชยที่ดินที่หมู่บ้านมูดูได้มีราคา
เพียง 2–3 ล้านจั๊ต [60,000–90,000 บาท]
ต่อเอเคอร์เท่านั้น เมื่อได้ค่าที่ดินมาแค่ 2 ล้าน
จั๊ต แต่ที่ดินทำากินใหม่มีราคาถึง 30 ล้านจั๊ต
เราไม่สามารถซื้อได้หรอก ถ้าคนอื่นๆ ได้รับ
มูลค่า 20 ล้าน เราก็ควรจะได้รับ 20 ล้านเช่น
กัน เรายอมรับไม่ได้ที่เราจะได้รับเงินเพียง 1
ล้านหรือ 500,000 จั๊ต ในขณะที่บางคนได้รับ
ตั้ง 20 ล้านจั๊ต” – ชายสูงอายุ หมู่บ้านมูดู
• “หากว่าเราได้รับ 3 ล้านจั๊ต [90,000 บาท] ต่อ
เอเคอร์ เราอาจต้องมีเงินหลายสิบล้านจั๊ตเพื่อ
แผนภาพที่ 2.18 ซื้อที่นาใหม่ข้างนอกในคุณภาพเหมือนกับที่
เราเคยมีที่นี่ เราทำาเกษตรเป็นเพียงอย่างเดียว
แล้วเราจะกินอะไรถ้าไม่มีนาข้าว และถ้าเราต้องไป
ในหลายกรณีที่ได้รับข้อมูลมา ค่าชดเชยที่ได้รับ ซื้อที่ดินที่อื่นเพื่อปลูกข้าว ราคาข้าวแถว ๆ นี้จะเพิ่มสูง
นั้นพิจารณาเฉพาะค่าเสียหายสําหรับต้นไม้ที่ปลูกไว้ ขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกเจ้าของที่ดินก็โตมาจากการกิน
เท่านั้น ไม่ใช่ค่าชดเชยสําหรับที่ดิน แม้ว่าราคาตัวเลขที่ ข้าวทั้งนั้น” – ชายชาวนา หมู่บ้านมะยินจี
ให้มาจะเป็นการชดเชยสําหรับที่ดินที่เวนคืน ผู้ให้ข้อมูล
บางคนก็ระบุว่าตัวเลขดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นฐานราคา การใช้จ่ายเงินค่าชดเชยของชาวบ้าน
ตลาดของที่ดินในพื้นที่ที่จะเกิดการโยกย้ายชาวบ้าน ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น ชาวบ้านบางคนในเขตหมู่บ้านพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ดังที่อภิปรายไว้ในบทที่ 3 ผู้ที่ได้รับผลกระ ราบแสดงความเห็นว่า พวกเขาจะยอมรับการอพยพโยก
ทบจะต้องได้รับค่าชดเชยที่เพียงพอสําหรับการหาซื้อหรือ ย้ายก็ต่อเมื่อได้รับค่าชดเชยที่เพียงพอสําหรับการซื้อที่ดิน
ไม่ก็สามารถเข้าถึงที่ดินในพื้นที่อื่นได้ ซึ่งอาจจะเป็นพื้นที่ ที่ยังสามารถรักษาวิถีการดํารงชีพในที่แห่งอื่นได้ สําหรับ
ที่มีราคาสูงกว่าที่ดินเดิมที่พวกเขาถูกโยกย้ายมา ที่ดินใน ชาวบ้านที่ได้รับค่าชดเชยเป็นเงินสด มีเพียง 30
พื้นที่ใหม่ควรมีความทัดเทียมกันและเหมาะสมที่จะดํารง เปอร์เซ็นต์ที่ใช้เงินค่าชดเชยนั้นไปลงทุนในกิจกรรมสร้าง
วิถีชีวิตดั้งเดิม หรืออย่างน้อยเท่ากับมาตรฐานการครอง รายได้ (เช่น ลงทุนในที่ดินและธุรกิจ) และมีเพียง 3
ชีพก่อนที่จะอพยพ และเพื่อให้เป็นไปตามหลักการของ
50