Page 188 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ปัญหาเยาวชนหญิงที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรกับมิติสิทธิมนุษยชน ฉบับสมบูรณ์
P. 188
เช่นนี้ เยาวชนหญิงก็จะถูกตัดสินฝ่ายเดียว ถูกตัดสิทธิ และเสียโอกาสอะไรหลายอย่างทั้งในเรื่องการรับรู้ข่าวสาร
สิทธิด้านการศึกษา และสิทธิด้านอื่นๆ หรือหากงานวิจัยนี้ไม่รื้ออคติเหล่านี้ ในนามของความรักความปรารถนาดี
ผู้ใหญ่ต่างๆ ก็อาจจะ “ช่วยเหลือ” ในรูปแบบที่หลงทางและอาจไปละเมิดสิทธิมนุษยชนของเขาก็ได้ (แม้จะท าไป
ด้วยความเมตตาก็ตาม)
จึงเห็นว่า งานชิ้นนี้ต้องหยิบเรื่องนี้ออกมาพูดเป็นประเด็นใหญ่ๆ ในเอกสาร โดยมีข้อเสนอโยงไปยังสถาบันต่างๆ
เช่น โรงเรียน ศธ. และหน่วยงานอื่นๆ ว่ามีมุมมองต่อเรื่องเพศอย่างไร (เช่น มองด้วยความกลัว หรือมองว่าการมี
เพศสัมพันธ์กันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย)
ทั้งๆ ที่เรื่องเพศสัมพันธ์ควรถูกมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ เป็นเรื่องธรรมชาติมากกว่าที่จะไปมองว่าเป็น
ปัญหาร้ายแรง แต่เพราะมีการขยายการศึกษา เอากติกาสังคมที่สร้างขึ้นทีหลังมาวางซ้อนไป เลยมองเป็นปัญหา
ไปตัดสิน และท าร้ายเยาวชนท้องไม่พร้อม หน่วยงานต่างๆ จึงควรเริ่มจากการปรับวิธีคิดตรงนี้ เพื่อว่านโยบาย
ต่างๆ จะได้ออกมาในแนวทางปกป้ องคุ้มครองสิทธิมากกว่าที่จะเป็นแนวทาง “ป้ องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้น” และ
เน้นรักนวลสงวนตัวอย่างเดียว โดยไม่ให้ทางเลือกอื่นๆ
ต.ย.หนึ่งที่ควรเป็นโอกาสให้สังคมได้เรียนรู้และเติบโตคือกรณีข่าวฟิล์มกับแอนนี่ น่าเสียดายที่ทั้งสื่อทั้งสังคมมุ่ง
มองไปแค่เรื่องว่า ฟิล์มเป็นพ่อเด็กในท้องแอนนี่หรือเปล่า ตรงกันข้าม สิ่งที่สังคมไทยควรจะได้เรียนรู้ คือ ไม่ว่า
เค้าจะนอนกันแล้วท้องหรือไม่ เมื่อคุณนอนด้วยกัน หากคิดว่าคุณไม่พร้อมที่จะเป็นพ่อหรือแม่คน หรือยังไม่อยากมี
ครอบครัว คุณก็ต้องป้ องกัน นั่นหมายความถึงการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย
ข้อสังเกตหนึ่งที่เห็นในบทวิเคราะห์ของงานชิ้นนี้ก็คือ เราจะเห็นค าว่า “ให้อภัย” อยู่หลายจุด หมายความว่า
เยาวชนท้องไม่พร้อมต้องได้รับการให้อภัย เหมือนกับว่าการท้องไม่พร้อมเป็นการก้าวพลาด รวมไปถึงการที่คุณ
ชานันท์ นักวิจัยในส่วนกฎหมายและนโยบายของไทยเสนอว่า สธ.มีการจัดกลุ่มท้องไม่พร้อมอยู่ในกลุ่มปัญหา
เดียวกับการติดยาเสพติด การหนีเที่ยว ฯลฯ เราต้องท าให้เห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ก้าวพลาดกันได้ ซึ่งตราบเท่าที่
มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ก้าวพลาด เป็นเรื่องที่ต้องให้อภัย เราก็ต้องท าให้สังคมมองว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องปกติ
ธรรมดาที่ต้องยอมรับกันได้
ประเด็นที่สอง ที่นักวิจัยกล่าวว่ายากมากเลยที่จะเจอเคสที่ยุติการตั้งครรภ์ แต่ง่ายมากกว่าที่จะเจอเคสรอคลอด
ดิฉันคิดว่างานวิจัยนี้จะท าได้ดีมากหากได้ไปเจอกับกลุ่มที่ก าลังอยู่ในระหว่างตัดสินใจ (ก าลังท้องไม่พร้อม และไม่
รู้ว่าจะตัดสินใจอย่างไรดี) เพราะจะท าให้เราเห็นทุกข์ของเขาอยู่ตรงหน้าเลย เห็นการด าเนินชีวิตประจ าวันใน
ครอบครัวท่ามกลางภาวะแบบนี้ ทั้งยังช่วยให้เห็นโครงสร้างที่กดทับเด็ก และส่งผลให้เด็กถูกเลือกปฏิบัติ
ดิฉันคิดว่าหาเคสแบบนี้ไม่ยาก เพราะมีน้องๆ โทรศัพท์มาหาคนที่ท างานเครือข่าย Choice เรื่อยๆ
ค-๑๕