Page 34 - พระมหากษัตริย์กับงานสิทธิมนุษยชน
P. 34
แม้ว่าการปกครองในสมัยอยุธยานั้นยอมรับพระราชอำานาจของพระมหากษัตริย์ตามแบบเทวราชา
แต่ก็มีการนำารูปแบบการปกครองของเมืองสุโขทัยอันเป็นหลักของพระมหาธรรมราชามาปรับปรุงและ
นำาพระธรรมศาสตร์มาเป็นหลักการปกครองอาณาประชาราษฎร์ ดังนั้น การปกครองแผ่นดินจึงมีการ
ผ่อนคลายให้ราษฎรมีสิทธิมากขึ้นและเป็นไปตามรูปแบบที่กำาหนดในพระธรรมศาสตร์ และกฎหมายเก่า
ที่เกิดขึ้นในยามที่บ้านเมืองมีสงครามและเปลี่ยนราชวงศ์ สมัยอยุธยานี้มีกฎหมายเก่าเพื่อลงโทษ
ผู้ทำาผิดและผู้ละเมิดสิทธิผู้อื่นด้วย
ในด้านส่งเสริมสิทธิทางการศึกษา พระมหากษัตริย์เล็งเห็นความสำาคัญได้มีการจัดตั้งโรงเรียน
ครั้งแรกในอาณาจักรสยาม คือ โรงเรียนสามเณรที่ตำาบลมหาพราหมณ์ เมื่อ พุทธศักราช ๒๒๑๑ โดย
มีนักเรียนเป็นชาวจีน ญวน และชาติตะวันตก เป็นโรงเรียนประจำา สอนวิชาการอย่างตะวันตกโดยใช้
ภาษาต่างประเทศสอน ต่อมา พุทธศักราช ๒๒๑๔–๒๒๑๘ ได้มีการจัดตั้งศูนย์ศาสนาขึ้นโดยมีโบสถ์
และโรงเรียนสำาหรับนักศึกษาฝึกสอนศาสนาขึ้นที่เมืองตะนาวศรี ภูเก็ต ลพบุรี อยุธยา พิษณุโลกและ
สุโขทัย
นอกจากนี้ยังได้เปิดโอกาสทางด้านการศาสนา คนไทยที่เรียนศาสนาได้นั้นได้เข้ารีตนับถือ
ศาสนาคริสต์ นอกจากจะสอนศาสนาแล้ว ยังมีการสอนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ด้วย
ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์นั้นได้มีการส่งนักเรียนไทยไปศึกษาต่างประเทศ เพื่อศึกษาวิชาการ
ทำาพุ ก่อสร้าง ช่างเงิน ช่างทอง และอื่นๆ คณะบาทหลวงฝรั่งเศสสมัยนั้นได้ส่งนักเรียนไทยไปเรียน
วิชาศาสนาชั้นสูงด้วย ภายหลังการศึกษาได้หยุดชะงักลงเนื่องจากมีการเปลี่ยนแผ่นดินและมีการ
สงครามป้องกันอาณาจักรตลอดมา
34 พ ร ะ ม ห า ก ษั ต ริ ย์ กั บ ง า น สิ ท ธิ ม นุ ษ ย ช น