Page 86 - รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อกรณีข้อร้องเรียนของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก
P. 86
รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
60 ต่อกรณีข้อร้องเรียนของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก
“กระบวนการ” ในการออกประกาศฉบับนี้ มีที่มาจากมติคณะรัฐมนตรี
ในการประชุมเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๒ เมื่อรัฐบาลเห็นว่าควรนำาพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษา
คุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ มาใช้เพื่อดำาเนินการให้เป็นไปตามมาตรา ๖๗ วรรคสอง
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ กล่าวคือ ให้นำาบทบัญญัติในส่วน
ที่ ๔ “การทำารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม” ตั้งแต่มาตรา ๔๖ ถึงมาตรา ๕๑ ของ
พระราชบัญญัติดังกล่าวมาใช้ โดยมาตรา ๔๖ กำาหนดให้รัฐมนตรีว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ มีอำานาจประกาศกำาหนด
ประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ให้ต้องจัดทำารายงานการ
วิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และให้อำานาจในการกำาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และ
แนวทางการจัดทำารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้วย
การนำาพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๓๕ มาใช้เป็นฐานในการใช้อำานาจดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อจะได้ถือว่าเป็นการที่รัฐบาลได้
ดำาเนินการให้เป็นไปตามมาตรา ๖๗ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช
๒๕๕๐ แล้ว
“เนื้อหา” ของประกาศกระทรวงฉบับนี้ มีที่มาจากการดำาเนินการของ
คณะกรรมการสี่ฝ่าย ในการจัดทำา “ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางในการจัดทำารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ
สิ่งแวดล้อมสำาหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้าน
คุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ” เพื่อเสนอให้รัฐบาลนำาไปเข้าสู่ “กระบวนการ”
ที่เหมาะสมต่อไป
เนื้อหาในส่วนเอกสารท้ายประกาศ ข. มีที่มาจากผลการทำางานของ
“คณะอนุกรรมการพิจารณาแนวทางการวินิจฉัยโครงการ กิจการ หรือกิจกรรม ที่อาจก่อให้เกิดผล
กระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทางด้านสุขภาพ” ซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการที่ตั้งขึ้นโดยคณะกรรมการ
สี่ฝ่าย ตามคำาสั่ง ที่ ๒/๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ โดยคณะอนุกรรมการได้ทำาการศึกษา
เสร็จสิ้น และจัดทำาข้อเสนอแนะต่อที่ประชุมคณะกรรมการสี่ฝ่าย เมื่อวันที่ ๒๑ และ ๒๓ ธันวาคม
๒๕๕๒ ซึ่งที่ประชุมได้ปรับแก้เล็กน้อย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้นำา
เอกสารฉบับปรับปรุงใหม่ไปใช้เป็นเอกสารท้ายประกาศ ข. ของประกาศกระทรวงฯ ฉบับลงวันที่ ๒๙
ธันวาคม ๒๕๕๒

