Page 90 - รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อกรณีข้อร้องเรียนของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก
P. 90
รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
64 ต่อกรณีข้อร้องเรียนของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก
ร่องน้ำาตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฉบับลงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๓
ที่กำาหนดขนาดตั้งแต่ ๑๐๐,๐๐๐ ตารางเมตร ขึ้นไป ยกเว้น ท่าเทียบเรือโดยสารหรือท่าเทียบเรือ
สินค้าเพื่อการอุปโภคและบริโภค หรือท่าเทียบเรือสำาราญและกีฬา เป็นขนาดตั้งแต่ ๑๐๐,๐๐๐
ลูกบาศก์เมตรขึ้นไป และตัดข้อยกเว้นออกทั้งหมด ซึ่งทำาให้ขนาดของท่าเทียบเรือในส่วนนี้
เป็นไปตามข้อเสนอของคณะกรรมการสี่ฝ่าย และถือเป็นการแก้ไขในสาระสำาคัญ ดังนั้น จึงเป็น
การออกประกาศในเรื่องเดียวกันด้วยกระบวนการที่แตกต่างกัน
๓.๓ ปัญหาและผลกระทบด้านสุขภาพอนามัย สวัสดิภาพ หรือคุณภาพชีวิตของประชาชน
จากมลพิษสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม ในพื้นที่ตำาบลมาบตาพุด อำาเภอเมือง จังหวัด
ระยอง
ปัญหาผลกระทบจากอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพอนามัย สวัสดิภาพ หรือ
คุณภาพชีวิตของประชาชน ประกอบด้วยปัญหามลพิษหลักๆ ได้แก่ มลพิษทางอากาศ มลพิษทางน้ำา
มลพิษทางเสียง สารอันตราย และของเสียอันตราย ซึ่งในพื้นที่ตำาบลมาบตาพุด อำาเภอเมือง จังหวัด
ระยอง ประสบปัญหามลพิษมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน นับแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๗ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมลพิษ
ทางอากาศ ในช่วงเวลาที่มีการก่อสร้างโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ประชาชนในพื้นที่ได้รับผล
กระทบจากการก่อสร้างในด้านเสียง ฝุ่น การจราจร และจำานวนคนงานที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่เพิ่มขึ้น
ในปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ครูและนักเรียนโรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคารประสบปัญหามลพิษทางอากาศ
ได้รับกลิ่นเหม็นผิดปกติ และมีอาการปวดศีรษะ จนกระทั่งเดือนมิถุนายน ๒๕๔๐ ได้รับกลิ่น
เหม็นรุนแรงมากขึ้น สถิติการเจ็บป่วยของนักเรียนและครูเฉลี่ยวันละ ๔๐ คน ด้วยอาการปวดศีรษะ
เจ็บคอแสบจมูก แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก และมีผื่นคันตามผิวหนัง จนในที่สุดมีการย้าย
โรงเรียนจากที่ตั้งเดิมมาอยู่ในที่ปัจจุบัน แต่หน่วยงานภาครัฐยังขาดความพร้อมในการจัดบริการ
สาธารณสุขเพื่อรองรับกับปัญหาดังกล่าว ดังที่ปรากฏตามผลการศึกษาของโรงพยาบาลบ้านฉาง
จังหวัดระยอง ในปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ว่า จากการสำารวจสถานการณ์ด้านความพร้อมของโรงพยาบาล
จำานวน ๒๙๔ แห่ง ที่ตั้งอยู่ใกล้เขตนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย ในการเตรียมรับอุบัติภัย
สารเคมีและวัตถุอันตราย ผลการศึกษาพบว่า โรงพยาบาลส่วนใหญ่ขาดความพร้อมในการ
เตรียมรับอุบัติภัยสารเคมีและวัตถุอันตราย ทั้งในด้านการบริหารจัดการ การป้องกันการปนเปื้อน
สารเคมี และการเตรียมบุคลากร โดยขาดการจัดทำาแผนและแนวทางรองรับอุบัติภัยสารเคมีอย่าง
เป็นลายลักษณ์อักษร
ต่อมา ในปี พ.ศ. ๒๕๔๘ กรมควบคุมมลพิษได้ตรวจสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย
(VOCs) ในบริเวณนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด พบว่า มีมากกว่า ๔๐ ชนิด โดยเป็นสารก่อมะเร็ง

